“เมื่อคนมาเลเซียมีชัยชนะในการส่งของ

ครอบครองข้อมูลทุกครัวเรือนของคนไทย”
เขียนโดย เอกพร รักความสุข

มีผลการสำรวจด้านการจัดส่งพัสดุด่วน พบว่า Kerry อยู่อันดับหนึ่ง ขณะที่บริษัทไปรษณีย์ไทย อยู่อันดับสอง โดย Kerry ส่งของทั่วทุกพื้นที่ของประเทศไทยในจำนวน 1,100,000 ชิ้นต่อวัน

เจ้าของบริษัท Kerry เป็นคนมาเลเซีย ชื่อ โรเบิร์ต ก๊วก ทำธุรกิจหลายอย่างในชื่อ Kuok Group เป็นมหาเศรษฐีของมาเลเซียที่รวยในอันดับ 104 ของโลก มีมูลค่าทรัพย์สิน 384,000 ล้านบาท

คนไทยใช้ Kerry ร้อยละ 56.4 ขณะที่ใช้ไปรษณีย์ไทย ร้อยละ 38.5 โดยจุดขายสำคัญของ Kerry ได้แก่

- การทำงาน 365 วัน ไม่มีวันหยุด
- พัสดุ 1 ชิ้น ใช้คนตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงผู้รับ จำนวน 7 คน เป็นอย่างน้อย เพื่อดูแลระบบให้มีคุณภาพ
- People Company ถือว่า คนสำคัญที่สุดในการให้บริการ

จากข้อมูลของหลายธนาคาร พบว่า มูลค่าการซื้อขายสินค้าออนไลน์ สูงกว่า 3.05 ล้านล้านบาทต่อปี และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโรคไวรัสโคโรน่า COVID19

ความสำเร็จของคนมาเลเซียที่ให้บริการคนไทยได้ทั่วถึงและเป็นกิจการที่ดีที่สุดอันดับหนึ่งของไทย เป็นเรื่องที่น่าชื่นชม แต่เป็นข้อคิดที่เราได้มอบ “ข้อมูลคนไทย” ให้ Kerry เป็นข้อมูลความเป็นอยู่ของคนไทยทุกคนที่ใช้บริการ ต่อไปในอนาคต Kerry สามารถต่อยอดธุรกิจต่างๆ โดยอาศัยความสามารถของการส่งสินค้า มาใช้ในการพัฒนาธุรกิจต่างๆ ได้

บัดนี้ โอกาสของคนไทยจากท้องถิ่น จะขายสินค้าของไทย ต้องอาศัยฝีมือของคนมาเลเซีย และคนมาเลเซียสามารถนำสินค้าทั่วโลกมาขายคนไทยได้ทุกพื้นที่ เป็นความเสียเปรียบที่คนไทยเต็มใจ และเป็นความเปลี่ยนแปลงในโลกดิจิทัลที่เรามอบข้อมูลให้คนมาเลเซียใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ครับ

#thaitribune

ทางด้านรายการเจาะใจที่มีคุณดู๋ สัญญา คุณากร เป็นพิธีกร ช่วงรายการคือช่วงเกี่ยวกับสุขภาพ ได้เชิญทางด้าน นายแพทย์ธนศักดิ์ ยิ้มเกิด เป็นอายุรแพทย์ รพ.ปิยะเวท ผู้คนจะรู้จักหมอในนาม หมอป็อป จากเพจ DietDoctor Thailand เป็นเพจที่เกี่ยวกับสุขภาพ สามารถเข้าไปสอบถามได้และคุณหมอจะพยายามตอบให้ครบทุกคน

ไขข้อสงสัย ทำไมคนเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ถึงมีโอกาสหายได้

วันนี้คุณหมออยากจะมาให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ

หมอป็อป : วันนี้ที่มาอยากจะนำเสนอเรื่องเกี่ยวกับเบาหวานชนิด 2

ชนิดที่ 1 กับ 2 มันต่างกันยังไง

หมอป็อป : จริงๆเบาหวานเนี่ยจะแสดงอาการทั้ง 1 และ 2 โดยน้ำตาลในเลือดจะสูง แต่จริงไแล้วในร่างกายของเราจะมีฮอร์โมนตัวนึงที่ใช้ในการควบคุมน้ำตาลในเลือดเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นเรียกว่า อินซูลิน ซึ่งเบาหวานชนิดที่  1 เกิดจากการที่ตัวตับอ่อนเสียสภาพไม่สามารถสร้างอินซูลินได้น้ำตาลก็เลยไม่สามารถถูกลดระดับลงได้ ส่วนภาวะเบาหวานชนิดที่ 2 เนี่ยเราเรียกว่าเกิดภาวะการดื้ออินซูลินไม่สามารถเอาน้ำตาลเข้าเซลล์ได้

ทำไมตับอ่อนถึงทำงานแย่ลง

หมอป็อป : ส่วนมากชนิดที่ 1 จะเกิดจากการที่มีบางอย่างไปทำให้ตับอ่อนไม่สามารถสร้างอินซูลินได้ ในปัจจุบันเนี่ยเราเชื่อว่าเกิดจากการที่มีภูมิต้านทานผิดปกติบางอย่างที่มันไปทำลายตับอ่อน

มีพฤติกรรมอะไรที่ทำให้มันเป็นแบบนั้นมั้ย

หมอป็อป : จริงๆก็อาจจะมีที่คล้ายๆกันอย่างเช่น ใครบางคนที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เยอะและทำให้ตับอ่อนอักเสบเรื้อรังจนกระทั่งไม่สามารถสร้างอินซูลินได้ แต่โดยทั่วไปสาเหตุเนี่ยเราไม่สามารถสาเหตุที่ชัดเจนเบาหวานชนิดที่ 1 มักจะเกิดขึ้นในคนอายุน้อยคือในเด็กๆวัยรุ่น

แล้วคนไทยเป็น 1 กับ 2 อันไหนเยอะกว่ากัน

หมอป็อป : ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยเนี่ยน่าจะชนิดที่ 2 เยอะกว่าประมาณ 80 กว่าเปอร์เซ็นได้เพราะชนิดที่ 2 เกิดจากพฤติกรรมการกิน

พฤติกรรมแบบไหนครับ

หมอป็อป : ในแปัจจุบันเกิดมีอุบัติการณ์สูงขึ้นพร้อมๆกับโรคอ้วนประมาณ 40 ปีที่ผ่านมา ในการเกิดโรคนี้ทางมุมมองหมอเกิดจากการที่เราปฏิบัติตามข้อแนะนำการทานอาหารทางด้านสุขภาพ

ทำไมมันจะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร

หมอป็อป : ข้อแนะนำทางสุขภาพเมื่อประมาณ 40 ปีที่ผ่านมามีข้อแนะนำนึง ผมว่าหลายคนก็คงเคยได้ยินก็คือ กลัวไขมัน และเราก็ถูกแนะนำให้รับประทานคาร์โบไฮเดตเป็นอาหารหลัก เราถูกแนะนำว่าอย่าปล่อยให้ท้องว่าง ข้อแนะนนำนี้มีมาประมาณ 40 ปีหลักการที่เรากลัวการเกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจในสมัยที่อเมริกามีโรคหลอดเลือดและหัวใจสูงขึ้นเนี่ยเราพบสารที่เป็นคอเรต เตอรอลไปเกาะที่หลอดเลือด มีนักวิทยาในช่วงนั้นตั้งสมมุติฐาน ตั้งทฤษฏีไว้ว่าไขมันที่เรารับประทานจากอาหารทำให้คอเรต เตอรอลสูงขึ้น และก็ไปทำให้ฝังตัวในหลอดเลือดและทำให้หลายคนอาจจะเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ ดังนั้นเมื่อปี 1977 เนี่ยรัฐบาลทางด้านอเมริกาได้ออกข้อแนะนำทางอาหารขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคหัวใจโดยการให้ลดพลังงานจากไขมันทานให้น้อยลงต่ำกว่า 15 เปอร์เซ็น และก็ให้เพิ่มพลังงานจากคาโบไฮเดตขึ้นเป็น 55 - 60 เปอร์เซ็น หลังจากนั้นในปี 1980 โรคอ้วนกับโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ของอเมริกาสูงขึ้นเป็นเงาตามตัวและถ้าเราดูตามข้อเท็จจริงว่าอัตตราทางโรคหัวใจก็ไม่ได้ลดลงเลย

ไขข้อสงสัย ทำไมคนเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ถึงมีโอกาสหายได้

หมอป็อป : จริงๆร่างกายเราเนี่ยใช้พลังงาน 3 อย่างก็คือ โปรตีน คาร์โบไฮเดตและก็ไขมัน ปกติร่างกายเราจะไม่ใช้พลังงานจากโปรตีนเป็นพลังงานหลัก มันจำเป็นจะต้องเอาโปรตีนไปซ่อมแซมในส่วนที่สึกหรอของร่างกายดังนั้นเราจึงเรียกโปรตีนนั้นเป็นสารอาหาร ดังนั้นร่างกายเราจะใช้พลังงานอยู่เพียง 2 อย่างคือคาร์โบไฮเดตและไขมัน แต่คุณสมบัติของคาร์โบไฮเดตและไขมันเนี่ยมีคุณสมบัติที่ต่างกันแครอลลี่จากคาร์โบไฮเดตและไขมันส่งผลต่อร่างกายเราต่างกัน เพราะโครงสร้างคาร์โบไฮเดตและไขมันเป็นโครงสร้างที่ต่างกันเหมือนน้ำมันดีเซลกับเบนซิน และร่างกายเราถูกออกแบบคล้ายๆกับรถยนต์ที่ไม่สามารถกินได้ตลอดเวลา ดังนั้นการที่เราทานอาหารร่างกายจะเอาพลังงานอาหารจากที่เราทานไปเก็บไว้ในร่างกายก่อน ร่างกายเราจะมีถังเก็บพลังงาน เช่นร่างกายจะเก็บไขมันไว้ในเซลล์ไขมันได้ผิวเรา ร่างกายจะเก็บน้ำตาลไว้ในถังเก็บน้ำตาล ร่างกายมักจะเลือกเผาคาร์โบไฮเดตก่อนเพราะว่าถังเก็บเล็กไม่มีที่เก็บ พอข้อแนะนำ 40 ปีที่ผ่านมาเราโดนแนะนำให้ทานคาร์โบไฮเดตมากขึ้นประมาณ 60 เปอร์เซ็นของพลังงานของอาหารต่อมื้อต่อวัน  เพราะการที่เราจะใช้คาร์โบไฮเดตในกล้ามเนื้อเราได้เราต้องออกกำลังกาย

 

ไขข้อสงสัย ทำไมคนเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ถึงมีโอกาสหายได้

ไขข้อสงสัย ทำไมคนเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ถึงมีโอกาสหายได้

 
 

ซึ่งบางทีทั้งวันเราไม่ได้ออกกำลังกาย

หมอป็อป : ใช่ฮะ โดยทั่วไปเนี่ยร่างกายเราต้องเว้นช่วงทานอาหารมากกว่า 4 ชั่วโมงขึ้นไป ร่างกายถึงจะเริ่มสลายไกโคเจนที่ตับออกมาใช้ แต่ด้วยทฤษฏีที่บอกว่าอย่าปล่อยให้ท้องว่างทำให้โอกาสที่เราจะใช้น้ำตาลในตับแทบเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นในการที่เราทานคาร์โบไฮเดตมื้อใหม่เข้าไปมันจะทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น และจะพยายามหาที่เก็บน้ำตาล ร่างกายอนุญาติให้มีน้ำตาลในกระแสเลือดเพียง 1 ช้อนชาหรือประมาณ 16 กิโลคอลลอลี่เท่านั้น

 

งั้นเครื่องดื่มที่หวานๆทั้งหลาย

หมอป็อป : ขวดเดียวน้ำตาลก็พุ่งกระฉูด ดังนั้นร่างกายจึงต้องลดน้ำตาลในเลือดลงเพราะถ้าหากน้ำตาลในเลือดสูงเราเสียชีวิตได้ ร่างกายจะลดน้ำตาลโดยการที่เลือกใช้น้ำตาลก่อน แต่ยังไงก็ตามถ้าร่างกายเรากินเกินมา 200 แคลลอลี่เราต้องวิ่ง 2 ชั่วโมงบนสายพานน้ำตาลแคลอรี่นี้ถึงจะหมด

ร่างกายจะตรงไปตรงมาแบบนี้แหละครับ เพราะฉะนั้นเราควร 1.เว้นช่วงการรับประทานให้ห่างขึ้น เพื่อให้ร่างกายมีโอกาสเอาของเก่ามาใช้ 2.ควรจะลดคาร์โบไฮเดตลงและเพิ่มไขมัน จะได้เอาไขมันออกมาใช้บ้าง เพราะอาหารไขมันที่เราทานจะลดระดับอินซูลีนลง

คุณหมอกำลังจะบอกว่ามันรักษาหายได้เลยโดยไม่ต้องกินยาตลอดชีวิต

หมอป็อป : หายได้ครับเพราะว่าคนที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ก็คือว่าถังเก็บพลังงานเต็มทั้งน้ำตาลและไขมันแต่ร่างกายส่วนมากจะเก็บไว้เป็นไขมัน การรักษาที่ดีที่สุดให้หาย เราต้องสวิชร่างกายมาเผาไขมันที่สะสมออกให้หมดถังเก็บจะว่าง ดังนั้นไขมันและน้ำตาลจะไม่ล้นออกมาทางกระแสเลือดเราจึงสามารถหายจากโรคนี้ได้

โอเคถ้าตรงนี้เป้นคลิปลองฟังอีกหลายๆครั้งเพื่อให้เข้าใจอย่างแท้จริง เรื่องรางกายกับถังเก็บว่ามันเป็นอย่างไร

 

ขอบคุณ : รายการเจาะใจ

 

1. เมียมักจะสั่งกักตัวให้อยู่แต่บ้าน ไม่ค่อยให้ออกไปใหน

2. เมียห้ามสังสรรค์ พบปะ ดื่ม เที่ยว จึงแทบไม่มีโอกาสเจอกลุ่มเสี่ยง บางรายเพื่อนเลิกคบไปเลยก็มี

3. แทบไม่มีโอกาสได้จับธนบัตร จึงไม่ต้องห่วงติดเชื้อ บางรายไม่มีโอกาสเห็นเงินเดือน หรือ บัตรเอทีเอ็มเลยด้วยซ้ำ

4. เชื้อถูกฆ่าด้วยน้ำยาซักผ้า ล้างจาน ทุกวันๆละหลายๆครั้ง สามีกลุ่มนี้จึงมือสะอาด และร่างกายแข็งแรง จากการถูกเมียสั่ง ทำงานบ้านอยู่ตลอดเวลา

5. โอกาสติดเชื้อจากการพูด โต้เถียง น้ำลาย น้อยมาก บางรายพูดได้แต่ "ครับ" หรือ ก้มหน้าอย่างเดียว

ฉะนั้น .. ชมรมคนกลัวเมียจึงอยู่รอดปลอดภัย และฝากกราบขอบคุณบรรดาเมียผู้เคร่งครัด มาด้วยความเคารพอย่างสูง ณ ที่นี้


■ใครที่มีเพื่อนรัก! ก็ช่วยส่งกันต่อๆไปนะ ความรู้ใหม่..โภชนาการบำบัดโรค

♥️1.ดื่มน้ำร้อนปลอด
ทุกโรค

♥️2.กินไข่ลวกวันละ
สองฟอง ใส่พริกไทยดำตำเองหนึ่งช้อนชาจะห่างไกลจากอัลไซเมอร์ไม่ต้องไปหาหมอ

♥️3.หยุดกินน้ำตาล
ทราย เพราะเป็นสาเหตุก่อให้
เกิดโรคต่างๆ

♥️4.กินทุเรียน ช่วยรักษาโรคมะเร็ง และแก่ช้า

♥️5.กินแตงโม ช่วยแก้เลือดอุดตัน ลิ่มเลือด และช่วยบำรุงเลือด ถ้าเป็นผู้ชาย จะทำให้สมถรรพภาพทางเพศแข็งแรง

♥️6.สตรีกินสับปะรด ช่วยกระช้บช่องคลอด

♥️7.กินกล้วยไข่ ช่วยบำรุง ตับ ไต ผิว ตา กระดูก (เหมาะสำหรับคนทำงานหน้าคอมส์) ทำให้หน้าอกโตด้วย

♥️8.กล้วยน้ำว้านำไป
เผาทั้งเปลือก ช่วยรักษา ปวดหัว ตัวร้อน และเบาหวาน

♥️9.กล้วยหอม เด็กถ้ากินช่วยให้ความ
จำดีและสตรีวัยทองช่วยปรับฮอร์โมนให้กินกับ
น้ำมะพร้าวอ่อนจะดีมาก ช่วยรักษาโรคฮันจิสัน (สตรีถ้ากินมากจะเซ็กส์จัดนะ)

♥️10.น้ำมันมะพร้าว
สกัดเย็น ใช้กินและนวดหน้า นวดร่างกายทำให้ดูอ่อนกว่าวัย รักษา ฝ้า กระ ดีมาก เพราะน้ำมันมะพร้าวเป็นสารตั้งต้นของเครื่องสำอางค์ทุกชนิด

♥️11.กินน้ำมันหมูดีที่
สุดเพราะซ่อมสร้างเนื้อ
เยื่อได้ ที่เหลือขับทิ้งได้
ไม่เหมือนน้ำมันพืชที่
ผ่านกรรมวิธีมีสารเคมี
ตกค้างมากมายมีอัน
ตรายต่อสุขภาพระยะ
ยาวแน่นอน

♥️12.กินหอมแดง,หอมใหญ่,กระเทียมและ ตามด้วยมะนาวฝานบางๆทั้งเปลือก2-3ชิ้นเพื่อ
ดับกลิ่นเพื่อลดไขมันตัวร้ายในหลอดเลือดดีกว่ากินยาลดไขมันซึ่งมีผล
ข้างเคียงที่อันตรายมาก
▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️
★ส่งต่อเป็นวิทยาทาน
นะครับ
■ใครคือเพื่อน18คน ที่คุณจะไม่สามารถลืม
ได้เลยในชีวิต ส่งให้แค่18 คนนั้น แล้วคอยดูว่าคุณเองได้กลับมาเท่าไหร่. เริ่มส่งได้แค่18คนนะ! อย่าลืมส่งให้เพื่อนคน
พิเศษของคุณ (รวมถึงส่งกลับมาให้ข้าพเจ้าด้วยถ้าข้าพเจ้าเป็นคนพิเศษ) กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่น่ารัก
มากๆ เลยนะ ถ้าคุณหรือกลุ่มได้รับ
กลับมาอย่างน้อย 5คน ลองดูเลย

 

 
คนไทยตายเพราะเศรษฐกิจ หรือเพราะติดเชื้อโควิด-19
 
ปัจจุบันการเดินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจไทยยังอิหลักอิเหลื่อระหว่างขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการเปิดน่านฟ้าให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามา ท่ามกลางเศรษฐกิจไทยที่ยังมองไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ ควบคู่กับการเท่าทันการรับมือการติดโควิดภายในประเทศ

สถานการณ์เศรษฐกิจไทย ในขณะนี้ต้องยอมรับว่ายังมองไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ ว่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างมีนัยในช่วงที่เหลือของปีนี้ เป็นผลจากสถานการณ์การระบาดของโควิดในระดับโลกยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้สถานการณ์โควิดในไทยจะคลี่คลายในระดับที่หลายฝ่ายพอใจ หลังไม่พบการติดเชื้อโควิดในไทยมาเป็นเวลานานร้อยวัน แม้วันที่หนึ่งร้อยหนึ่งจะพบการติดเชื้อในประเทศไทย แต่ก็ยังไม่พบการกระจายเชื้อในวงกว้าง ทว่าผู้คนก็ยังไม่วายวิตกต่อการระบาดของโควิดระลอกสอง

ทำให้ในปัจจุบันการเดินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจไทยจึงยัง “อิหลักอิเหลื่อ” ระหว่างการเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการ “เปิดน่านฟ้า” ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศ มาเป็นอีกฟันเฟืองหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยที่ผ่านมาภาคการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง สามารถผลักดันรายได้ราว 20% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)

ที่ผ่านมารัฐบาลยังถูกแรงกดดันอย่างหนักจากภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ที่ต่างออกแรงหนุนให้รัฐตัดสินใจเปิดน่านฟ้า สะท้อนถึงภาวะเกินจะทนไหวของคนในอุตสาหกรรมนี้ จนเกิดหลายประโยคเด็ด อาทิ วิลเลี่ยม อี.ไฮเน็ค ประธานกรรมการบมจ.ไมเนอร์อินเตอร์เนชั่นแนล ที่เมื่อครั้งโควิดระบาดในไทยใหม่ๆ เคยออกมาหนุนให้รัฐบาลใช้ยาแรง “เจ็บ” เพื่อจบปัญหา มาในเวลานี้เขามองว่า รัฐจำเป็นต้องเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เร็วที่สุด เพราะแม้ไทยจะให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในการเปิดประเทศ แต่ถ้ายังคงยืนยันปิดประเทศต่อไป คนทั้งประเทศจะตายจากภัยพิบัติทางเศรษฐกิจ มากว่าการระบาดของเชื้อโควิด

ล่าสุด วิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ยังออกมาประเมินว่า หากรัฐไม่เร่งตัดสินใจเปิดน่านฟ้าในไตรมาสสี่ปีนี้ จะได้เห็นการถูกเลิกจ้างแรงงานอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 2.5 ล้านคน หรือกว่าครึ่งหนึ่งของแรงงานในอุตสาหกรรมนี้ที่มีอยู่ 4 ล้านคน ขณะที่ ญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น กล่าวไว้ตอนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ว่า สิ่งหนึ่งที่ยังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่เชื้อไวรัส แต่เป็นความกังวลของผู้คน ส่งผลให้คนยังระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอย

ดังนั้นเราเห็นว่า จากสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่ยังทรุดตัว จำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐจะต้องอัดมาตรการเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และฟื้นฟูประเทศ ไปพร้อมกับการสร้างความเชื่อมั่นต่อรัฐว่าจะรับมือโรคระบาดได้ การออกมาแสดงความพร้อมของกระทรวงสาธารณสุขวานนี้ (14 ก.ย.) ในการรับมือสถานการณ์โควิด จึงนับเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ที่เหลือก็อยู่ที่รัฐบาลจะต้อง “หาหนทาง” การเปิดประเทศ เปิดน่านฟ้า ภายใต้กติกาด้านสาธารณสุขที่ได้มาตรฐานโลก เพื่อให้ธุรกิจ เศรษฐกิจได้หายใจหายคอ ลดการเลิกจ้าง ขณะเดียวกันก็ต้อง “เท่าทัน” กับการรับมือการติดเชื้อโควิดภายในประเทศ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ แต่ต้องสกัดไม่ให้ระบาดในวงกว้าง เรียนรู้อยู่กับโควิด ว่าเราปิดประเทศไม่ได้แล้ว

เนื้อหาต้นฉบับ https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/897816?ant=

Covid 19 บาดแผลที่เหลือไว้ให้ชาวโลก ความโหดร้ายของ Covid 19 ภาคสอง
โดย นายแพทย์ ยงค์ศักดิ์ เลียงอุดม 10/09/2020

8 เดือนหลังจากที่ Covid 19 ระบาดมีคนเสียชีวิตทั่วโลกแล้วกว่า 900,000 คน ในบรรดาคนป่วย 27ล้านคนที่รอดชีวิตจาก Covid 19 คนเหล่านี้ยังต้องผจญกับปัณหาทางสุขภาพในระบบต่างๆของร่างกาย อันเป็นผลพวงจากความเสียหายที่ Covid 19 ได้กระทำไว้

คนที่ติดเชื้อ Covid 19 เคยคิดกันว่าจะมีอยู่สองชนิด คือกลุ่มที่มีอาการมากต้องอยู่โรงพยาบาล และอีกกลุ่มมีอาการน้อย หรือไม่มีอาการ

จากการติดตามคนไข้จำนวนมากในยุโรปและอเมริกาพบว่ามีคนป่วยในกลุ่มที่สาม ส่วนใหญ่ไม่ได้รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล มีอาการนานถึง 16 สัปดาห์หรือมากกว่านั้น คนป่วยเหล่านี้เรียกว่ากลุ่ม long Covid หรือ long hauler

การศึกษาจาก US, UK และ Sweden จากคนนับล้านคน จาก Covid Symtom study group โดยวิธีใช่ app ตรวจสอบอาการ พบว่ามี 10-15% ที่มีอาการระยะยาว

จากการศึกษาใน 13 รัฐของอเมริกา 35% ของคนที่ test positive สำหรับ Covid 19 ยังมีอาการ เมื่อทำการสัมภาษณ์ 2-3 อาทิตย์ต่อมา

ในอังกฤษ ที่King college ได้ใช้ app : Covid symtom study ศึกษาติดตามคนที่เคยติดเชื้อ Covid 19 พบว่าจำนวนคนป่วย 300,000 คน ยังคงมีอาการมากกว่าหนึ่งเดือน

และพบว่า 60,000 คนมีอาการ long Covid ที่มากกว่า 3 เดือน มีอาการตั้งแต่เล็กๆน้อยๆ เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก จนถึงปัณหาที่มากขึ้นเช่นต้องนั่งรถเข็น wheel chair

เชื้อ Covid 19 เข้าไปทำร้ายอวัยวะระบบต่างๆในร่างกาย และทิ้งความเสียหายไว้ ถึงแม้มันจะถูกขจัดไปแล้ว

ระบบหายใจ
คนไข้ส่วนหนึ่งหลังออกจากโรงพยาบาลแล้วยังมีปัณหา หายใจไม่เต็มอิ่ม เนื่องจากเนื้อปอดถูกทำลาย เหนื่อยง่าย บางคนต้องใช้ออกซิเจนกระป่องตลอดเวลา จากการศึกษาของ Mayo clinic ทำ CT scan ในกลุ่มคนที่ไม่มีอาการ พบว่าเนื้อปอดมีร่องรอยการถูกทำลาย มี scar ในเนื้อปอด

ระบบประสาท
คนไข้ส่วนหนึ่งหลังจากออกจากโรงพยาบาล ต้องพิการจาก stroke เป็นอัมพาตจากการที่ Covid ทำให้เส้นเลือดที่ไปที่สมองอุดตัน ปกติ stroke จะเกิดในคนอายุมากเฉลี่ย 70 ปีขึ้นไป แต่ Covid 19 ทำให้เกิด stroke ในคนอายุ 40-50 ปี

ในการศึกษาวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Lancet ได้ทำ MRI ของสมองของคนที่ตรวจพบ positive test for Covid 19 จำนวน 60 คน พบว่าเนื้อสมองมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับคนปกติเมื่อเวลาผ่านไป 3 เดือน อันเป็นสาเหตุให้ความจำเสื่อม เสียสมาธิง่าย บางครั้งสับสน

คนไข้จำนวนหนึ่งจะสูญเสียระบบประสาทการรับรสและการดมกลิ่นอย่างถาวร

ระบบหัวใจ
ไวรัส Covid 19 จะทำลายกล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้การสูบฉีดโลหิตของหัวใจสูญเสียคุณภาพไป การศึกษาในเยอรมัน คนไข้ 78คน จาก 100 คนมีหัวใจที่ผิดปกติ การศึกษาที่ Wuhan ศึกษาในคนไข้ 416 คนที่เคยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 20% มีกล้ามเนื้อหัวใจที่ผิดปกติ

ระบบการทำงานของไต
พบว่า COVID-19 ทำให้คนไข้ส่วนหนึ่งมีไตวายเรื้อรัง ทำให้คนป่วยต้องมาล้างไตอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลจากเนื้อไตถูกทำลายจากไวรัส หรือไวรัสทำให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือดเล็กๆที่มาเลี้ยงไต

ระบบทางเดินอาหาร
จากการศึกษาของ university of Hong Kong พบว่าจะยังพบเชื้อ Covid 19 ในอุจจาระ หลังจากอาการป่วยทางระบบทางเดินหายใจหายดีขึ้นแล้ว จากจำนวนคนไข้ 7 คนใน 15 คน โดยคนไข้เหล่านี้ไม่มีอาการทางระบบทางเดินอาหารเลย และ ไวรัส Covid 19 จะทำให้รบกวน bacteria ดี ที่มีอยู่ในระบบทางเดินอาหาร

ปัณหาของคนที่ป่วยจาก Covid 19 ไม่เหมือนกับป่วยเป็นโรคหวัด ส่วนหนึ่งจะมีปัณหาระยะยาว และมี disables มีความพิการ และไม่สามารถกลับมาทำงานตามปกติ ต้องได้รับการรักษาต่อเนื่อง

สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้เกิดคำถามขึ้นว่าการปล่อยให้มีภูมิคุ้มกันแบบ herd immunity จะคุ้มค่าหรือไม่ เพราะถ้าปล่อยให้คนติดเชื้อ ไม่ป่วย ไม่ตาย แต่อาจมีปัณหาระยะยาวตามมา แม้แต่ในคนหนุ่มสาว

คนป่วย long Covid เหล่านี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะได้รับการรักษาต่อเนื่อง ในอังกฤษมีปัณหาจากระบบสาธารณสุขและแพทย์ที่อ่อนล้า ทำให้มีปัณหาที่จะดูแลคนป่วยเหล่านี้ แพทย์ส่วนหนึ่งที่ติดเชื้อ Covid 19 ก็เป็น long Covid ไม่สามารถกลับไปทำงานได้

ปัณหาการ lockdowns เป็นเวลานาน เด็กๆไม่ได้ไปโรงเรียน สามในสี่ของเด็กอังกฤษเริ่มมีปัณหาทางจิตใจวิตกกังวล และหนึ่งในสี่ของพ่อแม่ไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร ในการสำรวจเด็กอายุ 5- 18 ปีที่อังกฤษ 4ใน 10 ของเด็กรู้สึกโดดเดี่ยว

เมื่อการระบาดสิ้นสุดลง คงจะมีคนป่วยเป็น long Covid และปัณหาทางจิตใจนับล้านคน เหลือเป็นภาระให้ระบบสาธารณสุขทั่วโลก นี้คือความโหดร้ายต่อมนุษยชาติที่ Covid 19 ได้กระทำไว้ ยังไม่นับถึงการทำลายเศรษฐกิจและวิถีชีวิตของผู้คนที่ไม่อาจกลับมาเหมือนเดิมได้

แต่ในประวัติศาสตร์หลังวิกฤตและการทำร้ายล้างครั้งใหญ่ จะมีการฟื้นตัวและพลิกโฉมของโลก อย่างเช่นที่เกิดขึ้นภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง นักเศรษฐศาสตร์ผู้ปราชญ์เปรื่องได้ทำนายไว้ว่าเศรษฐกิจในปี 2021 จะกลับมา bloom รุ่งเรืองเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง

Hope is the good thing, hope is the best thing in the time like this

เรียบเรียงและความเห็น โดย พลอากาศตรี นายแพทย์ ยงค์ศักดิ์ เลียงอุดม
ผู้อำนวยการ ศูนย์กระดูกและข้อ โรงพยาบาลกรุงเทพ
เป็นความเห็นส่วนตัวไม่เกี่ยวกับองค์กร

วันที่ 10 ก.ย. 2563 หัวหน้าทีมกฎหมายของ Sinopharm Group Co., Ltd 国药集团 บริษัทยาชั้นนำของจีน โจวซ่ง 周颂 เปิดเผยข้อมูลแก่สื่อจีนอย่างเป็นทางการว่า ณ ตอนนี้วัคซีน Covid19 ที่อยู่ในขั้นการทดลองทางคลินิก(Clinical Trial)ในจีนมีอยู่ 3 สูตรด้วยกัน ซึ่ง 2 ใน 3 เป็นสูตรยาของทาง Sinopharm โดยได้มีการเร่งฉีดวัคซีนดังกล่าวให้แก่กลุ่มตัวอย่างไปแล้วกว่า 100,000 ราย

ซึ่งจากการติดตามผล ไม่มีรายงานผลข้างเคียง รวมถึงไม่ได้รับรายงานว่าผู้ที่ฉีดไปแล้วมีการติดเชื้อ Covid19 แม้ผู้ได้รับการฉีดไปอยู่ในพื้นที่สุ่มเสี่ยงสูง(ในต่างแดน) โดยวัคซีนดังกล่าวของ Sinopharm Group ถือเป็นวัคซีน Covid19 ตัวที่ฉีดให้มนุษย์มากที่สุดในโลก ณ ตอนนี้ และกำลังอยู่ในขั้นทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 ที่ต่างประเทศ

ทั้งนี้ กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับฉีดวัคซีนกว่า 100,000 รายนี้ มีกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงราว 10,000 รายที่เป็นผู้มีโอกาสสัมผัสเชื้อไวรัสโดยตรง ได้แก่ บุคลากรแพทย์ในจีนและต่างแดน เจ้าหน้าที่ทางการทูตรวมทั้ง Expat ในต่างแดน รวมถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐในโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน One Belt One Road ตามประเทศต่างๆ ซึ่งก็มีการฉีดวัคซีนแก่กลุ่มเสี่ยงสูงมาหลายเดือนแล้ว(ในข่าวไม่ระบุชัดกี่เดือน)

โดยหลังจากฉีดวัคซีนจะมีการติตดามผลกลุ่มตัวอย่างอย่างใกล้ชิด พบว่า กลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ที่มีการฉีดวัคซีนไม่มีการพบว่าติดเชื้อ Covid19 ขณะที่กลุ่มเสี่ยงที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนมีการพบว่าติดเชื้อจากพื้นที่ โดยผลการศึกษาเปรียบเทียบในหลายๆประเทศต่างให้ผลที่ตรงกัน ...แม้ว่ากลุ่มเสี่ยงที่ฉีดวัคซีนแล้วจะอยู่ในพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อหลักแสนคนขึ้นไป ก็ไม่มีการพบว่าติดเชื้อแต่อย่างใด นี่จึงเป็นข้อพิสูจน์ว่า วัคซีน Covid19 ของจีนใช้ได้ผลจริง

ด้านรองประธาน Sinopharm Group จางอวิ๋นเทา 张云涛 ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า วัคซีน Covid19 ที่ผลิตจากการทำ Clinical Trial ทั้งระยะ 1 และ 2 ส่งเสริมให้ผุ้ที่ได้รับวัคซีนสร้างแอนติบอดีที่เป็นกลาง (Neutralizing Antibody) ซึ่งถือว่าเป็นมาตรฐานที่สูงในวงการการแพทย์สากล ซึ่งทางทีม Sinopharm Group ก็จะเก็บข้อมูลและสังเกตการณ์ในการทำ Clinical Trial ระยะที่ 3 จากกลุ่มตัวอย่างในต่างประเทศต่อไป

**อย่างไรก็ดี ณ ขณะนี้มีการคาดการณ์ว่า วัคซีน Covid19 (ไม่ว่าจะสูตรของประเทศไหน)เป็นที่ต้องการทั่วโลกขั้นต่ำที่ราว 500 ล้านหลอด

เพิ่มเติม : Sinopharm Group Co. , Ltd. เป็น บริษัทผลิตยาชั้นนำของจีน โดยบริษัทแม่ของ Sinopharm Group คือ Sinopharm Industrial Investment ซึ่งเป็น บริษัทร่วมทุน 51-49 ระหว่างรัฐวิสาหกิจ China National Pharmaceutical Group และ Fosun Pharmaceutical ซึ่งเป็นกิจการพลเรือน

แปลและเรียบเรียงจาก weibo 澎湃新闻 The Paper News
https://m.weibo.cn/5044281310/4547871251106043

 

วิจัยล่าสุดไขคำตอบหน้ากากอนามัยชนิดใดป้องกัน โควิด-19 ได้ยอดแย่ - ยอดเยี่ยม

 

ล่าสุดคณะนักวิจัยได้ทำการประเมินประสิทธิภาพของหน้ากากอนามัย 14 แบบ ไขคำตอบชนิดใดป้องกัน โควิด-19 ได้ยอดแย่ - ยอดเยี่ยม

การศึกษาล่าสุดที่เผยแพร่ในวารสารวิทยาศาสตร์ไซแอนซ์ แอดวานซ์ (Science Advances) เปิดเผยว่า คณะนักวิจัยได้ทำการประเมินประสิทธิภาพของหน้ากากอนามัยหลายชนิด ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ โรคโควิด-19 (COVID-19) และพบว่า ปลอกคอ มีประสิทธิภาพป้องกันโรคโควิด-19 ต่ำที่สุด ขณะที่หน้ากาก เอ็น95 (N95) หน้ากากอนามัย และ หน้ากากผ้าโฮมเมด เป็นตัวเลือกการป้องกันที่ดีกว่า

หลายประเทศได้ออกคำสั่งให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่สาธารณะ เพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างไรก็ดี ปัญหาการขาดแคลนอุปกรณ์หน้ากากอนามัยทั่วโลก ทำให้ผู้คนส่วนมากจำเป็นต้องเลือกใช้หน้ากากโฮมเมด หรือหน้ากากทางเลือก เพื่อดูแลปกป้องตนเอง

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยดุ๊ก (Duke University) ทำการทดลองเพื่อตรวจสอบการทำงานของหน้ากากรูปแบบต่างๆ ที่จะลดทอนการแพร่ของละอองฝอยน้ำมูกน้ำลายระหว่างการพูดคุยแบบปกติ ด้วยการติดตั้งแสงเลเซอร์ไว้ในกล่องมืด เพื่อส่องดูละอองฝอยน้ำมูกน้ำลายของผู้พูด เมื่อพวกเขาพูดคุยผ่านรูในกล่อง ขณะกล้องที่ติดไว้อีกด้านหนึ่งจะคอยบันทึกวิดีโอของละอองที่ลอยผ่านไปพร้อมกัน

 

การทดลองดังกล่าวทดสอบหน้ากากอนามัยทั่วไป จำนวน 14 แบบ และใช้ระบบอัลกอริทึมบนคอมพิวเตอร์นับจำนวนอนุภาคของละอองฝอยน้ำมูกน้ำลายจากวิดีโอ ซึ่งได้ผลลัพธ์ดังต่อไปนี้

ปลอกคอ ซึ่งเป็นที่นิยมของนักวิ่งกลางแจ้ง มีประสิทธิภาพการป้องกันต่ำที่สุดในการทดลอง เนื่องจากพวกมันก่อให้เกิดอนุภาคมากกว่าเวลาที่ผู้คนพูดคุยโดยไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย

หนึ่งในผู้เขียนงานวิจัย มาร์ติน ฟิชเชอร์ กล่าวว่า สาเหตุหลักอาจเป็นเพราะสิ่งทอของ ปลอกคอ ทำให้อนุภาคขนาดใหญ่แตกตัวออกเป็นขนาดเล็ก ซึ่งมีแนวโน้มลอยไปในอากาศได้ง่ายและเป็นระยะเวลานานกว่า ดังนั้น การสวม ปลอกคอ จึงอาจสร้างผลลัพธ์ที่ตรงข้ามกับวัตถุประสงค์ได้

 

การศึกษาระบุเพิ่มเติมว่า ผ้าพันคอ ผ้าเช็ดหน้า และหน้ากากไหมพรมขนแกะแบบเต็ม ให้การปกป้องได้น้อยมาก ส่วนหน้ากาก เอ็น95 เป็นตัวเลือกการป้องกันที่ดีที่สุด ขณะที่หน้ากากอนามัยแบบใช้แล้วทิ้งซึ่งวัสดุทำมาจากพลาสติก จัดเป็นตัวเลือกดีที่สุดอันดับสอง

 

นอกจากนั้น การศึกษาเผยว่า หน้ากากที่ทำจากผ้าฝ้ายสองชั้นและวัสดุสังเคราะห์หนึ่งชั้น เป็นตัวเลือกดีที่สุดอันดับสาม และสามารถกำจัดละอองส่วนใหญ่ได้ พร้อมแนะนำว่า ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับบุคคลทั่วไปคือการสวมหน้ากากอนามัยแบบใช้แล้วทิ้ง หรือหน้ากากผ้าฝ้ายทำมือที่มีหลายชั้น

 
 

โควิด-19, หน้ากากอนามัย

 

(แฟ้มภาพซินหัว : ผู้หญิงซื้อหน้ากากอนามัยในช่วงโรคโควิด-19 ระบาด ในเมืองอครตละของอินเดีย วันที่ 29 ส.ค. 2020)

เนื้อหาต้นฉบับ https://www.komchadluek.net/news/foreign/443137?adz=

 

วันที่ 10 ก.ย. 2563 หัวหน้าทีมกฎหมายของ Sinopharm Group Co., Ltd 国药集团 บริษัทยาชั้นนำของจีน    ที่อยู่ในขั้นการทดลองทางคลินิก(Clinical Trial)ในจีนมีอยู่ 3 สูตรด้วยกัน ซึ่ง 2 ใน 3 เป็นสูตรยาของทาง Sinopharm โดยได้มีการเร่งฉีดวัคซีนดังกล่าวให้แก่กลุ่มตัวอย่างไปแล้วกว่า 100,000 ราย

ซึ่งจากการติดตามผล ไม่มีรายงานผลข้างเคียง รวมถึงไม่ได้รับรายงานว่าผู้ที่ฉีดไปแล้วมีการติดเชื้อ Covid19 แม้ผู้ได้รับการฉีดไปอยู่ในพื้นที่สุ่มเสี่ยงสูง(ในต่างแดน) โดยวัคซีนดังกล่าวของ Sinopharm Group ถือเป็นวัคซีน Covid19 ตัวที่ฉีดให้มนุษย์มากที่สุดในโลก ณ ตอนนี้ และกำลังอยู่ในขั้นทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 ที่ต่างประเทศ

ทั้งนี้ กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับฉีดวัคซีนกว่า 100,000 รายนี้ มีกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงราว 10,000 รายที่เป็นผู้มีโอกาสสัมผัสเชื้อไวรัสโดยตรง ได้แก่ บุคลากรแพทย์ในจีนและต่างแดน เจ้าหน้าที่ทางการทูตรวมทั้ง Expat ในต่างแดน รวมถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐในโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน One Belt One Road ตามประเทศต่างๆ ซึ่งก็มีการฉีดวัคซีนแก่กลุ่มเสี่ยงสูงมาหลายเดือนแล้ว(ในข่าวไม่ระบุชัดกี่เดือน)

โดยหลังจากฉีดวัคซีนจะมีการติตดามผลกลุ่มตัวอย่างอย่างใกล้ชิด พบว่า กลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ที่มีการฉีดวัคซีนไม่มีการพบว่าติดเชื้อ Covid19 ขณะที่กลุ่มเสี่ยงที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนมีการพบว่าติดเชื้อจากพื้นที่ โดยผลการศึกษาเปรียบเทียบในหลายๆประเทศต่างให้ผลที่ตรงกัน ...แม้ว่ากลุ่มเสี่ยงที่ฉีดวัคซีนแล้วจะอยู่ในพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อหลักแสนคนขึ้นไป ก็ไม่มีการพบว่าติดเชื้อแต่อย่างใด นี่จึงเป็นข้อพิสูจน์ว่า วัคซีน Covid19 ของจีนใช้ได้ผลจริง

ด้านรองประธาน Sinopharm Group จางอวิ๋นเทา 张云涛 ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า วัคซีน Covid19 ที่ผลิตจากการทำ Clinical Trial ทั้งระยะ 1 และ 2 ส่งเสริมให้ผุ้ที่ได้รับวัคซีนสร้างแอนติบอดีที่เป็นกลาง (Neutralizing Antibody) ซึ่งถือว่าเป็นมาตรฐานที่สูงในวงการการแพทย์สากล ซึ่งทางทีม Sinopharm Group ก็จะเก็บข้อมูลและสังเกตการณ์ในการทำ Clinical Trial ระยะที่ 3 จากกลุ่มตัวอย่างในต่างประเทศต่อไป

**อย่างไรก็ดี ณ ขณะนี้มีการคาดการณ์ว่า วัคซีน Covid19 (ไม่ว่าจะสูตรของประเทศไหน)เป็นที่ต้องการทั่วโลกขั้นต่ำที่ราว 500 ล้านหลอด

เพิ่มเติม : Sinopharm Group Co. , Ltd. เป็น บริษัทผลิตยาชั้นนำของจีน โดยบริษัทแม่ของ Sinopharm Group คือ Sinopharm Industrial Investment ซึ่งเป็น บริษัทร่วมทุน 51-49 ระหว่างรัฐวิสาหกิจ China National Pharmaceutical Group และ Fosun Pharmaceutical ซึ่งเป็นกิจการพลเรือน

แปลและเรียบเรียงจาก weibo 澎湃新闻 The Paper News
https://m.weibo.cn/5044281310/4547871251106043