18 ม.ค. 64 - ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "วัคซีน covid 19    อาการไม่พึงประสงค์ อาการแทรกซ้อน
การตายในผู้สูงอายุ หลังให้วัคซีน ในประเทศนอร์เวย์ จำนวน 23 ราย เป็นข่าวใหญ่ ทำให้เกิดวิตกกังวล  ต่อกระบวนการให้วัคซีน อาการไม่พึงประสงค์ หลังการให้วัคซีนของไฟเซอร์ ในประเทศนอร์เวย์ ที่มีผู้สูงอายุเสียชีวิตจำนวนมาก

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า อาการไม่พึงประสงค์ หลังให้วัคซีนไม่จำเป็นต้องเกิดจากวัคซีน หรือแพ้วัคซีน  กรรมการตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนที่ให้หรือไม่ จะตรวจสอบอย่างละเอียด

การศึกษาวัคซีนใหม่ ถึงแม้ว่าจะผ่านระยะที่ 3 แล้ว จะต้องตามอาการไม่พึงประสงค์หลังนำไปใช้ต่อไปอีกอย่างน้อย 2 ปี อย่างเช่นในนอร์เวย์ 

ผมทำการศึกษาเกี่ยวกับวัคซีนมากว่า 30 ปี หลังฉีดวัคซีน  ผู้ที่รับวัคซีนเดินกลับบ้านไปตกท่อ จะต้องรายงานว่าเป็นอาการไม่พึงประสงค์ และหาสาเหตุของการตกท่อ ว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่ ให้กรรมการกลางที่ดูแลด้านความปลอดภัยมาช่วยพิจารณาด้วย  เพราะวัคซีนที่ฉีด อาจทำให้เวียนศีรษะแล้วเดินตกท่อก็ได้

เมื่อฉีดวัคซีนแล้วมีการตาย ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก

เคยมีอาสาสมัครฉีดวัคซีนแล้วอีก 2 วันเสียชีวิต รายงานทันที ที่ได้รับทราบการเสียชีวิต ในรายนี้ถูกยิงตาย จะต้องหาสาเหตุว่าวัคซีนที่ฉีด อาจจะทำให้เกิดความก้าวร้าว ที่อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของการถูกยิงก็ได้ 

และเช่นเดียวกัน มีผู้ป่วยหลังฉีดวัคซีนที่ผมเคยดูแลอยู่  เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์  ก็ต้องดูในรายละเอียดเพราะวัคซีนอาจจะทำให้อาการง่วงหนาว หาวนอนแล้วเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุก็ได้

การเสียชีวิตของผู้สูงอายุในนอร์เวย์ ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ (วัคซีนนี้ไม่ได้อยู่ในแผนการให้วัคซีนของประเทศไทยในระยะเวลาอันใกล้นี้) ผู้สูงอายุส่วนใหญ่  อายุมากกว่า 80 ปี  อยู่ในสถานดูแลผู้สูงอายุส่วนมากจะมีโรคประจำตัว 

ในภาวะปกติในสถานดูแลผู้สูงอายุ  ก็มีการเสียชีวิตอยู่ประจำอยู่แล้ว  แน่นอนเมื่อเกิดขึ้นหลังการให้วัคซีน  ก็ต้องพิสูจน์กันว่าสาเหตุการเสียชีวิตมาจากวัคซีนหรือไม่  หรือจากโรคชรา โรคประจำตัว จนกว่าจะมีการพิสูจน์การเสียชีวิตอย่างละเอียดทุกราย จึงค่อยว่ากันว่าเป็นสาเหตุจากวัคซีนหรือไม่

การเสียชีวิตดังกล่าว ก็ไม่ได้ทำให้ประเทศไหนหยุดการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ 

ขณะนี้ทั่วโลกมีการฉีดวัคซีนไปแล้ว รวมทั้งสิ้น 40 ล้าน โดส และเป็นวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์มากที่สุด การให้วัคซีนวันละหลายล้านคนคงจะยังได้ยินข่าวแบบนี้อีกแน่นอน อาการไม่พึงประสงค์ ต้องรอสรุปจริงๆ  จะต้องรอการสอบสวนอย่างละเอียดต่อไป 
ของใหม่เมื่อนำมาใช้  ก็ต้องมีการระวังอาการข้างเคียง  อาการไม่พึงประสงค์อย่างละเอียด และรอบคอบ ดูอาการไม่พึงประสงค์อาจเกิดขึ้นได้  แม้กระทั่งโอกาสที่จะเกิดเป็นหนึ่งในล้าน".

ข้อมูลจาก https://www.thaipost.net/main/detail/90154

 

 

 

คลายข้อสงสัย กินอาหารเวฟบ่อยๆเสี่ยงหรือไม่

ใครสงสัย วันนี้มีคำตอบ สำหรับกินอาหารเวฟบ่อยๆเสี่ยงหรือไม่
 

หลายคนอาจสงสัยถ้าเรากินอาหารเข้าเวฟมากเกินไป จะเสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพหรือไม่ ทางด้านเพจ มูลนิธิหมอชาวบ้าน ได้ไขข้อสงสัยสำหรับเรื่องนี้ โดยระบุข้อความว่า ด้วยรูปแบบชีวิตทันสมัยของคนรุ่นใหม่ อะไรๆ ก็เร่งรีบสะดวกรวดเร็วไปเสียหมด ไม่เว้นแม้แต่การรับประทานอาหารคนส่วนใหญ่ก็ยังนิยมบริโภคเป็น “อาหารจานด่วน” ที่สะดวกเหมาะสมกับชั่วโมงเร่งรีบ ทำให้อาหารเวฟ หรืออาหารที่ต้องทำการอุ่นจากไมโครเวฟนับว่าเป็นอะไรที่ตอบโจทย์ได้ตรงความต้องการของคนที่มีเวลาน้อย แต่ทั้งนี้คำถามที่มีจึงมีอยู่ว่าเมื่อเราจะต้องบริโภคอาหารที่อุ่นจากไมโครเวฟบ่อยๆ แล้ว จะเสี่ยงอันตรายจริงหรือไม่?
 

อาหารที่อุ่นจากเตาไมโครเวฟ เป็นอาหารที่เก็บเหลือจากวันก่อน หรือมักจะเป็นอาหารจำพวกแช่แข็งที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อ และเราก็มักจะนำมาอุ่นในไมโครเวฟอีกครั้งก่อนรับประทาน ซึ่งทั้งนี้ความอันตรายนั้นเกิดจากการเก็บรักษาของอาหารชนิดนั้น เนื่องจากอาหารแช่แข็งเป็นการแช่เย็นจัดทำให้เชื้อโรคไม่เจริญเติบโตถ้าการเก็บหรือการเคลื่อนย้ายไม่ถูกวิธีอุณหภูมิไม่ถูกต้องก็จะทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตขึ้นและเป็นอันตรายได้
หากอาหารได้รับการเก็บรักษาอย่างถูกต้องแล้วการอุ่นด้วยไมโครเวฟนั้นจะทำให้อนุภาคของน้ำในอาหาร เกิดการสั่นสะเทือนขึ้น เกิดเป็นความร้อนและเดือดขึ้นมาไม่ได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างของอาหาร ไม่ได้มีสารพิษอะไร และตัวคลื่นไม่โครเวฟ ไม่ได้เป็นรังสีใดๆ  ไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย ยกเว้นว่าไม่ควรเข้าไปมองอาหารในไมโครเวฟ หรืออยู่ในระยะใกล้ชิดเกินไปนัก 

 

ขอบคุณ มูลนิธิหมอชาวบ้าน

ข้อมูลจาก https://www.komchadluek.net/news/regional/455522?adz=

 

รัฐบาลจีนตรวจพบไวรัสโคโรนาในไอศกรีมที่ผลิตโดยโรงงานในเทศบาลนครเทียนจินทางภาคตะวันออกของประเทศติดกับกรุงปักกิ่ง สั่งเรียกเก็บสินค้า แต่ยืนยันยังไม่พบผู้ติดเชื้อไวรัสจากไอศกรีมนี้

รายงานของแชนเนลนิวส์เอเชียเมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม กล่าวว่า ไอศกรีมที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบไวรัสโคโรนาโรคโควิด-19 นี้ผลิตโดยบริษัท ต้าเกี้ยวเตาฟู้ด ในเทศบาลนครเทียนจิน แถลงการณ์ของรัฐบาลเทียนจินกล่าวว่า ทางการปิดบริษัทนี้เพื่อกักกันโรคแล้ว และกำลังตรวจเชื้อโควิด-19 ลูกจ้างของโรงงาน แต่ตอนนี้ยังไม่มีสิ่งบ่งชี้ว่ามีคนติดไวรัสจากไอศกรีมเหล่านี้

คำแถลงกล่าวว่า ไอศกรีมส่วนใหญ่ที่ผลิตออกมาแล้ว 29,000 กล่องยังไม่ถูกขายออก เจ้าหน้าที่กำลังตามรอยไอศกรีม 390 กล่องที่ขายแล้วในเทียนจิน และได้แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่พื้นที่อื่นๆ ที่มีผู้ซื้อไอศกรีมนี้

รัฐบาลจีนกล่าวว่า วัตถุดิบที่ใช้ผลิตไอศกรีมนั้นรวมถึงนมผงจากนิวซีแลนด์ และผงเวย์จากยูเครน

เมื่อวันอาทิตย์ จีนรายงานว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ที่ยืนยันแล้ว 109 คน โดย 2 ใน 3 หรือ 72 คนพบที่มณฑลเหอเป่ย์ ที่อยู่ภาคเหนือติดกับกรุงปักกิ่ง ที่นั่นรัฐบาลได้สร้างโรงพยาบาลแยกพิเศษขนาด 9,500 ห้อง เพื่อรับมือกับจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นมาก

จีนสามารถควบคุมการระบาดของไวรัสได้เป็นส่วนใหญ่นับแต่พบผู้ป่วยครั้งแรกที่เมืองอู่ฮั่นเมื่อปลายปี 2562 ทว่านับแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมาจีนพบผู้ติดเชื้อรายใหม่นับพันราย คณะกรรมการสุขภาพของจีนกล่าวเมื่อวันเสาร์ว่า ต้นตอไวรัสมาจากผู้เดินทางเข้าประเทศและสินค้านำเข้า

ข้อมูลอย่างเป็นทางการล่าสุดจีนมีผู้ติดเชื้อ 88,227 คน และมีผู้เสียชีวิต 4,653 คน.

ข้อมูลจาก https://www.thaipost.net/main/detail/90105

13 ม.ค.2564 -  ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “โควิด-19 วัคซีน” ระบุว่า โรคทุกโรคป้องกันได้ควรได้รับการป้องกัน ทำนองเดียวกันโควิด-19 ก็ควรได้รับการป้องกันด้วยการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ล้างมือ หรือ ถูแอลกอฮอล์ เว้นระยะห่างของบุคคล นอกจากการปฏิบัติแล้ว ถ้ามีวัคซีนในการป้องกันควรได้รับการป้องกัน

โควิด-19 ระบาดอย่างรวดเร็วและยากที่จะกวาดล้างให้หมดไป มาตรการในการควบคุมป้องกันการระบาด และสูญเสีย จึงจำเป็นที่จะต้องมีวัคซีนมาเสริมป้องกันและควบคุม จึงมีการเร่งพัฒนาผลิตวัคซีนในการป้องกันอย่างมากและรวดเร็วการพัฒนาเป็นไปตามขั้นตอน จากการทดลองในสัตว์ผ่านเข้าสู่อาสาสมัครในมนุษย์ ระยะที่ 1, 2 และ 3 ในระยะที่ 3 จะต้องใช้อาสาสมัครเป็นหลักหมื่นและทำการศึกษาอย่างละเอียด

ในภาวะฉุกเฉิน จึงมีการยอมให้ขึ้นทะเบียนในภาวะฉุกเฉินและภาวะปกติจะตามมาทีหลัง มีการรายงานผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นในการให้ประชาชนหมู่มาก โดยทั่วไปจะติดตามต่อหลังใช้แล้วอีก 2 ปี การอนุมัติให้ใช้แบบฉุกเฉินจะมีการคำนึงถึงผลได้ ประโยชน์ และอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้น

ขณะนี้วัคซีนในการป้องกันโควิด-19 แต่ละชนิดมีการใช้หลายล้านโดสโดยรวมได้ถูกไปใช้แล้วประมาณ 30 ล้านโดส และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด กว่าประเทศไทยจะได้ใช้ ก็น่าจะมีการใช้ทั่วโลกไปแล้วโดยรวมเป็นร้อยล้านโดสแล้ว

ข้อมูลจาก https://www.thaipost.net/main/detail/89643

 

สารี อ๋องสมหวัง บรรณาธิการบริหารนิตยสารฉลาดซื้อ
รศ.ดร.ภญ. มยุรี ตั้งเกียรติกำจาย สาขาวิชาเภสัชกรรมคลินิก คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ให้ข้อมูลการติดตามผู้ป่วย พบมีผู้ป่วยไตเรื้อรัง 3 รายแย่ลง วัยกลางคนและสูงอายุใช้สารสกัดถั่งเช่า รับประทาน 1 เม็ดต่อวันเป็นเวลาประมาณ 1 เดือน ค่าการทํางานของไตแย่ลง (eGFR ลดลง) เมื่อหยุดใช้ค่าการทํางานของไตดีขึ้น บางคนไม่ดีขึ้นกลายเป็นไตวายระยะสุดท้ายในปี พ.ศ. 2562

ปี พ.ศ. 2563 พบผู้ป่วยจำนวน 8 ราย เป็นผู้ป่วยสูงอายุมีโรคหัวใจ รับประทานสารสกัดถั่งเช่าสีทอง วันละ 1 เม็ดประมาณ 1 เดือน ค่าการทํางานของไตแย่ลง เมื่อหยุดใช้ค่าการทํางานของไตดีขึ้น อีก 6 รายมีอาการไตวายเฉียบพลัน 1 ราย, 2 รายเป็นโรคไตเรื้อรังระยะ 3-4 บางรายเมื่อหยุดใช้แล้วไตดีขึ้น บางรายต้องฟอกเลือด พบอีก 1 รายใช้กาแฟถั่งเช่าร่วมกับยาแก้ปวดและสมุนไพรผสมสเตียรอยด์ทําให้ค่าการทํางานของไตแย่ลงอย่างรวดเร็ว
ทำให้นึกย้อนไปถึงเรื่องร้องเรียนในอดีตของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ที่หลังจากทานใบขี้เหล็กสกัดทำให้มีอาการตัวเหลืองตาเหลือง ทั้งที่ใบขี้เหล็กช่วยอาการนอนไม่หลับ บำรุงตับ แกงขี้เหล็กที่รู้จักมีฤทธิ์ระบายอ่อนๆ ช่วยไม่ให้ท้องผูก นอนหลับสบาย เมื่อมีความพยายามที่จะทำใบขี้เหล็กให้เป็นยาสมุนไพรสำเร็จรูปที่ใช้ง่ายเป็นชนิดเม็ด โดยใช้ใบขี้เหล็กตากแห้งบดเป็นผงแล้วบรรจุเม็ดวางจำหน่ายในท้องตลาด เมื่อใบขี้เหล็กแคปซูลเหล่านี้เข้าถึงผู้บริโภค เริ่มมีข้อสังเกตจากแพทย์ระบบทางเดินอาหารหลายท่านว่า พบผู้ป่วยด้วยโรคตับอักเสบ มีเรื่องร้องเรียนว่าทานแล้วตัวเหลืองจนต้องยุติการขึ้นทะเบียนและการจำหน่ายยาสมุนไพรชนิดนี้ในท้ายที่สุด
นอกจากปัญหารายงานว่าอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับปัญหาการทำงานของไต
หลายคนเบื่อการโฆษณาการขายถั่งเช่ามาก โฆษณาจำนวนมากจนน่ารำคาญ ทำให้รู้สึกว่าทำไมถึงขายถั่งเช่าสกัดกันทั้งบ้านทั้งเมือง คนกินเยอะขนาดนี้เลยหรือ ? ถ้ามาดูโฆษณามีทั้งรักษาโรคเรื้อรังสารพัด บำรุงร่างกาย เพิ่มพลังทางเพศ ไทด์อินในรายการต่างๆ ป้ายโฆษณาด้านหลังแนะนำสินค้าขายตรงมีให้เห็นได้ยิน ทุก 15-30 นาที จากทั้งดาราน้อยใหญ่ แทบจะทุกช่องทีวีโซเชียลมีเดียหรือแทบทุกช่องทางทำให้คนที่มีปัญหาสุขภาพหรือโรคเรื้อรังอดใจไว้ไม่อยู่ อยากทดลองว่าจะช่วยได้จริงมั้ย แต่ผลลัพธ์กลับส่งผลต่อความรุนแรงของโรคหรือเกิดโรคบางประเภท เช่น ไตวายเรื้อรัง
ถึงแม้ทีวีดิจิทัลจะเป็นอุตสาหกรรมตะวันตกดิน แต่กสทช. ก็ต้องกำกับร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้เข้มข้นเรื่องการโฆษณาผิดกฎหมาย เกินจริง โอ้อวด รักษาโรคของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และเมื่อมีรายงานว่า อาจจะมีความเกี่ยวข้องกับปัญหาไตวายเรื้อรัง
อย. ในฐานะหน่วยงานที่ต้องกำกับผลิตภัณฑ์นี้โดยตรงก็ต้องเรียกบริษัทผู้ผลิตผู้จัดจำหน่ายทั้งหลายเร่งปรับปรุงฉลาก ให้มีคำเตือนที่ชัดเจนในการใช้ผลิตภัณฑ์นี้ ติดตามผลข้างเคียงอย่างเป็นระบบและผู้ประกอบการต้องรีบดำเนินการเพื่อลดความเสี่ยงกับผู้ป่วยโรคเรื้อรังทั้งหลาย
สุขภาพของเราไม่ได้มาจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หยุดคิดว่าถ้าไม่ดี อย. ก็ไม่ควรให้จำหน่ายเพราะการรู้ว่าไม่ดีมักจะมาทีหลัง หวังว่าถั่งเช่าจะไม่ซ้ำรอยขี้เหล็กที่เป็นอาหารมีคุณ แต่สกัดแล้วเป็นโทษ เพราะหากย้อนไปในประเทศจีนก็ทานถั่งเช่าเป็นอาหารใส่ในต้มจืดเฉพาะฤดูหนาวเท่านั้น หรือหากในธิเบตก็นิยมทานเป็นชาหรือใส่ในอาหารเฉพาะบางฤดูเช่นเดียวกัน สุขภาพของเรา คงไม่ใช่เพราะผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแต่มาจากความสุข การบริโภคอาหารที่ดี การใช้ชีวิต การพักผ่อนและการออกกำลังกาย
#นิตยสารฉลาดซื้อ #มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค

 

ด่วน ครม. ไฟเขียว 3 มาตรการเร่งด่วน เยียวยาโควิด-19 ลดค่าน้ำ ค่าไฟ ช่วย SMEs

 

ด่วน..ครม.มีมติอนุมัติ 3 มาตรการบรรเทาผลกระทบในระยะเร่งด่วน ซึ่งประกอบด้วย 3 ส่วนหลักคือ

 

เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้โพสต์เฟซบุ๊กภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงมาตรการเยียวยาประชาชนที่ได้รับจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า ระลอกใหม่ ที่เกิดขึ้นมาได้ประมาณ 3 สัปดาห์ (ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2563 ) จนถึงวันนี้ ณ ปัจจุบัน ตัวเลขผู้ติดเชื้อแม้จะยังสูง คือ 200-300 คนต่อวัน แต่เป็นการเพิ่มที่ค่อนข้างคงที่ ไม่ได้สูงขึ้นต่อเนื่องทุกวัน อย่างที่เราวิตกในตอนแรก และผู้ติดเชื้อระลอกใหม่นี้ ใช้เวลารักษาหายเร็วขึ้นมาก

ในรอบ 4 วันที่ผ่านมาตั้งแต่วันศุกร์ที่ 9 มกราคม จนถึงวันนี้ เรารักษาหายรวมกันมากกว่า 2,000 คน การระบาดรอบใหม่นี้ เรามีความพร้อมมากกว่าเมื่อปีที่แล้วมาก ทั้งเครื่องมือ อุปกรณ์ ป้องกัน โรงพยาบาล บุคลากร ความรู้ความเข้าใจในการป้องกัน ที่สำคัญมากคือ ความร่วมมือ ความรับผิดชอบของพี่น้องประชาชน ช่วยกันจำกัด การแพร่ระบาด

 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การที่ยังมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3 หลักต่อวัน การตรวจหาเชื้อเชิงรุกยังพบผู้ติดเชื้อ มากบ้าง น้อยบ้างในแต่ละวัน แสดงว่า แม้เราจะควบคุมการระบาดระลอกใหม่ได้ในเบื้องต้น แต่ยังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ทำให้ลดจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศให้ลดลงมาเหลือสองหลัก หลักเดียว จน ควบคุมได้ในที่สุด ผมมั่นใจว่า เราจะทำได้แน่นอน เหมือนที่เราเคยทำได้มาแล้ว

เรื่อง วัคซีน ผมได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ( อย.) เร่งรัดกระบวนการขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด 19 ให้เร็ว วัคซีนมาถึงแล้ว ฉีดให้ประชาชนได้ทันที โดยเฉพาะ วัคซีน ของ แอสตร้า ซีเนก้า ที่ประเทศไทยได้รับสิทธิให้เป็นผู้ผลิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย

กระทรวงสาธารณสุข ได้ทำแผนการฉีดวัคซีนไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นไปตามหลักสากลที่ใช้กันอยู่ คือ เรียงตามลำดับความเสี่ยง กลุ่มบุคลการทางการแพทย์ ผู้สูงวัย ผู้มีโรคประจำตัว คนที่พื้นที่ที่มีการระบาดสูง จะได้รับก่อน เรื่องนี้ เตรียมไว้หมดแล้ว

การระบาดระลอกใหม่ แม้จะไม่มีการปิดสถานที่ต่างๆ เป็นวงกว้าง ไม่มีการจำกัดการเดินทาง การออกนอกเคหสถาน เป็นวงกว้าง เหมือนการระบาดเมื่อต้นปีก่อน กิจกรรมทางเศรษฐกิจ บางส่วนยังดำเนินต่อไปได้ ยอดค่าใช้จ่ายผ่านโครงการ คนละครึ่ง ยังอยู่ในระดับเดียวกับก่อนการระบาด แต่เศรษฐกิจได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน โดยเฉพาะในพื้นที่สีแดง ที่มีการควบคุมระดับสูงสุด ส่งผลต่อรายได้ของผู้ประกอบการ และพนักงาน ลูกจ้าง

รัฐบาลกำลังประเมินสถานการณ์การระบาด เพื่อกำหนดมาตรการดูแลเศรษฐกิจเพิ่มเติมโดยเฉพาะในเรื่อง การช่วยเหลือเงินเยียวยาค่าครองชีพของประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากการะบาดรอบนี้ ผมคาดว่า ภายในสิ้นเดือนมกราคมนี้ เราจะมีความชัดเจน และจะมีมาตรการออกมาได้

ในระหว่างนี้ มาตรการดูแลเศรษฐกิจที่ออกมาก่อนหน้ายังคงมีอยู่ เช่นโครงการคนละครึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน การเพิ่มเงินช่วยเหลือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ มีมติอนุมัติมาตรการบรรเทาผลกระทบในระยะเร่งด่วน ซึ่งประกอบด้วย 3 ส่วนหลักคือ

1. มาตรการเสริมสภาพคล่อง บรรเทาภาระหนี้สินของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและประชาชน

2. มาตรการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ใช้แรงงาน การลดหย่อนเงินสมทบนายจ้าง และผู้ประกันตน เพิ่มสิทธิประโยชน์ การว่างงาน ฯลฯ

3. มาตรการลดค่าใช้จ่ายประชาชน โดยการลดค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา และค่าอินเตอร์เน็ต

อีกเรื่องที่ผมจะต้องขอย้ำ คือเรื่องที่รัฐบาลมีเงินเพียงพอสำหรับการดูแลเศรษฐกิจ ในรอบการระบาดใหม่นี้ เพราะเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ตามพระราชกำหนด ให้อำนาจกระทรวงการคลัง กู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยา ฟื้นฟู เศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัส โคโรน่า เราใช้ไป 5 แสนกว่าล้านบาท ยังเหลือ ประมาณ 4.9 แสนล้านบาท

นอกจากนี้ เรายังมี งบกลาง ของงบประมาณ ปี 2564 อีกประมาณ 1.3 แสนล้านบาท ซึ่งใช้ในกรณีฉุกเฉิน และเร่งด่วน รวมกันแล้ว 6 แสนล้านบาท เรื่องเงินเราไม่มีปัญหา จะใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพ ตรงจุด และทันการณ์นั่นคือสิ่งสำคัญกว่า

ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่า เรารับมือโควิด 19ได้ รอบแรกนั้น เราไม่มีประสบการณ์ความรู้ แต่เราก็รับมือได้จนเป็นต้นแบบของโลกมาแล้ว ครั้งนี้ด้วยประสบการณ์บวกกับความเชี่ยวชาญของทีมสาธารณสุข และที่สำคัญที่สุดคือ เราทุกคนต้องร่วมมือกัน เราจะผ่านมันไปได้อีกครั้งเหมือนที่เราร่วมมือกันทำสำเร็จมาแล้ว

ข้อมูลจาก https://www.komchadluek.net/news/politic/454917?adz=

 

โควิดระบาดหนัก  "มาเลเซีย" ประกาศภาวะฉุกเฉิน

 

"มาเลเซีย" ต้าน "โควิด-19" ไม่อยู่ ประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศแล้ว พร้อมเตรียมเลื่อนการเลือกตั้งออกไปอย่างไม่มีกำหนด หลังยอดผู้ป่วย "โควิด-19" พุ่งสูงขึ้นจนน่าตกใจ

 

12 ม.ค.64 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สำนักพระราชวังของมาเลเซีย เผยแพร่แถลงการณ์ เมื่อวันอังคารว่า  สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านอับดุลเลาะห์  อาหมัด ชาห์แห่งมาเลเซีย  ทรงลงพระปรมาภิไธย

ในเอกสารสำคัญ ซึ่งนายกรัฐมนตรีมูห์ยิดดิน ยาสซิน ได้ทูลเกล้าฯถวาย ในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร เพื่อเป็นการยกระดับมาตรการสกัดกั้นวิกฤติโรคระบาดโควิด-19 โดยจะมีผลตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 1 ส.ค. 2564 

ทั้งนี้ สำนักพระราชวังมาเลเซีย ยังได้ออกแถลงการณ์ในวันนี้ว่า "สมเด็จพระราชาธิบดีทรงมีพระบรมราชานุญาตให้ประกาศภาวะฉุกเฉินในช่วงเวลาที่รัฐบาลมาเลเซีย ต้องรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19" แถลงการณ์ยังระบุว่า  ภาวะฉุกเฉินดังกล่าวจะดำเนินไปจนถึงวันที่ 1 ส.ค.หรือเร็วกว่านั้น โดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

โควิดระบาดหนัก  "มาเลเซีย" ประกาศภาวะฉุกเฉิน

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาพรรค UMNO ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของมาเลเซียกำลังถกเถียงกันว่าควรจะยกเลิกหรือควรจัดการเลือกตั้งภายในเดือนมี.ค.นี้ โดยคาดว่าพรรค UMNO จะทำการตัดสินใจในเรื่องดังกล่าวในระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่ในวันที่ 31 ม.ค.นี้ 

สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด- 19 ประเทศมาเลเซีย มียอดผู้ป่วยสะสมมากกว่า 138,000 ราย โดยในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมานั้นประเทศมาเลเซียได้ทุบสถิติยอดผู้ป่วยต่อวันมากที่สุด ด้วยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 3,000 พันราย นอกจากนี้ทางการยังยืนว่ามีการตรวจพบผู้ป่วยโควิดกลายพันธุ์อีกด้วย

 ข้อมูลจาก https://www.komchadluek.net/news/crime/454912?adz=

 
มีรายงานข่าวจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของประเทศบราซิล ซึ่งรายงานดังกล่าวจะได้ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ชื่อดัง (Lancet) ต่อไป
เป็นกรณีผู้ป่วยผู้หญิงชาวบราซิลวัย 45 ปี จากเมือง Salvador รัฐ Bahia โดยนักวิจัยจาก IDOR ได้ทำการถอดรหัสพันธุกรรมของไวรัสที่ติดเชื้อในผู้หญิงรายนี้
และพบว่าเป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งแพร่ระบาดมาจากอังกฤษและแอฟริกาใต้
ที่เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นและจะต้องติดตามต่อไป ก็คือ
ในผู้ป่วยหญิงรายนี้ได้เคยติดโควิดมาแล้ว
ครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2563 ต่อมาอีกห้าเดือน หลังจากที่หายดีแล้ว ในวันที่ 26 ตุลาคม 2563 ก็เกิดติดโควิดซ้ำเป็นครั้งที่สอง
 
การติดโควิดซ้ำเป็นครั้งที่สอง เคยมีรายงานประปรายในหลายประเทศ
แต่ที่ผ่านมาจะเป็นเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดิมตัวเดียวกัน
แต่ในผู้ป่วยรายนี้ต้องนับเป็นเคสแรกของโลก ที่รายงานอย่างเป็นทางการว่า เกิดการติดเชื้อซ้ำครั้งที่สอง ด้วยไวรัสคนละสายพันธุ์กัน กับการติดครั้งที่หนึ่ง และทำให้เกิดอาการรุนแรงมากกว่าครั้งที่หนึ่ง
โอกาสที่การติดไวรัสครั้งที่สอง จากไวรัสคนละสายพันธุ์กัน อาจจะเกิดจากสองสาเหตุด้วยกันคือ
1) ระดับภูมิต้านทานต่อไวรัสโคโรนาได้ลดลง จนไม่สามารถป้องกันได้ ส่วนไวรัสทั้งสองชนิดนั้นไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนัก ภูมิต้านทานจากสายพันธุ์ที่หนึ่งยังป้องกันสายพันธุ์ที่สองได้ เพียงแต่ระดับไม่พอป้องกันอันนี้ก็จะไม่ค่อยเป็นปัญหา
 
2) ถ้าระดับภูมิต้านทานต่อไวรัสสายพันธุ์เดิมไม่ได้ลดลง และเพียงพอที่จะป้องกันได้ แต่เมื่อเจอไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ แล้วเกิดป้องกันไม่ได้
ถ้าเป็นกรณีที่สองนี้ ก็จะเป็นปัญหาใหญ่กับวงการแพทย์ต่อไป ว่าภูมิต้านทานต่อไวรัสสายพันธุ์เดิม ไม่สามารถป้องกันไวรัสสายพันธุ์ใหม่ได้
 
ผู้ที่เคยหายป่วยจากการที่ที่ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ เดิม และมีภูมิต้านทานในระดับที่สูงพอ จึงมีความเสี่ยงที่จะติดจากไวรัสสายพันธุ์ใหม่ได้
และทำให้อาจเกิดปัญหาเรื่องประสิทธิภาพของวัคซีน ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อป้องกันไวรัสสายพันธุ์เดิม อาจจะป้องกันไวรัสสายพันธุ์ใหม่ไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ทางห้องปฏิบัติการของบริษัทไฟเซอร์ได้แจ้งว่า เท่าที่ได้ตรวจสอบประสิทธิภาพของวัคซีนต่อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ก็ยังดูว่าป้องกันได้อยู่
 
จึงต้องติดตามต่อไปว่า ในผู้ป่วยหญิงชาวบราซิล รายนี้ระดับภูมิต้านทานที่มีอยู่ในขณะติดเชื้อไวรัสซ้ำครั้งที่สอง อยู่ในระดับที่สูงหรือต่ำ
ถ้าต่ำก็จะโชคดีว่า ที่ติดเชื้อเพราะภูมิต้านทานต่ำ
แต่ถ้าภูมิต้านทานสูง แล้วยังติดเชื้อซ้ำครั้งที่สอง ก็แปลว่าภูมิต้านทานนั้นป้องกันได้เฉพาะไวรัสเดิม
ไม่สามารถป้องกันไวรัสใหม่ได้ ซึ่งจะเป็นปัญหามากทีเดียว
Reference

หมอยง แนะท่าการฉีดวัคซีน โควิด-19 ในผู้ใหญ่ - เด็กโต พร้อมเตือนกรณีแพ้แบบเฉียบพลัน

 

หมอยง โพสต์แนะท่าการฉีดวัคซีน โควิด-19 ในผู้ใหญ่ - เด็กโต ที่เหมาะสมปลอดภัย เตือนกรณีแพ้แบบเฉียบพลัน จะต้องมีชุดฉุกเฉินเตรียมพร้อมเสมอ

 

10 มกราคม 2564 หมอยง ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ Yong Poovorawan เผย การฉีดวัคซีนในผู้ใหญ่ เด็กโต ควรอยู่ในท่านั่ง เห็นภาพการฉีดวัคซีน โควิด-19 ออกมาตามสื่อต่างๆ ในเด็กโตหรือผู้ใหญ่ จะต้องนั่งแล้วฉีดวัคซีนให้ จะไม่ฉีดในท่ายืน ถ้าเป็นลมแล้วจะอุ้มไม่ไหว ฉีดแล้วจะต้องรอสักเดี๋ยว แล้วค่อยไปนั่งรอสังเกตอาการอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง การให้วัคซีนในหมู่มาก ต้องจัดสถานที่ให้เหมาะสม บางประเทศ มี Drive-through เข้าไปฉีดวัคซีนก็มี สิ่งที่สำคัญ หลังฉีดจะต้องมีสถานที่สังเกตอาการ ถ้ากรณีแพ้แบบเฉียบพลันจะได้ให้ยาแก้ไขได้ทันที สถานที่ฉีดวัคซีนหมู่มาก จะต้องมีชุดฉุกเฉินเตรียมพร้อมเสมอ

ข้อมูลจาก https://www.komchadluek.net/news/regional/454720?adz=