แคนาดา และออสเตรเลีย ระบุวัคซีนโควิด-19 ของ “แอสตร้าเซนเนก้า” มีความปลอดภัย และจะเดินหน้าโครงการฉีดวัคซีนต่อไป แม้เดนมาร์กและนอร์เวย์ระงับใช้วัคซีนของบริษัทแห่งนี้ชั่วคราว ท่ามกลางรายงานข่าวที่ระบุพบก่อการตัวของลิ่มเลือดในประชาชนบางรายที่ได้รับวัคซีนดังกล่าว

กระทรวงสาธารณสุขแคนาดาระบุในถ้อยแถลงว่า “สาธารณสุขแคนาดาทราบเกี่ยวกับเหตุการณ์อาการไม่พึงประสงค์ในยุโรป หลังฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าแล้ว และอยากรับประกันกับชาวแคนาดาทุกคนว่าประโยชน์ของวัคซีนจะยังคงมีน้ำหนักเหนือกว่าความเสี่ยงทั้งหลายจากวัคซีน”

“ในเวลานี้ยังไม่พบสิ่งบ่งชี้ว่าวัคซีนเป็นสาเหตุของอาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้” ถ้อยแถลงของกระทรวงสาธารณสุขแคนาดาระบุ

แคนาดาได้รับวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตโดยสถาบันเซรัมแห่งอินเดีย จำนวน 500,000 โดสเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และคาดหมายว่าจะไดรับวัคซีนเพิ่มเติมอีก 1.5 ล้านโดสในช่วงเดือนพฤษภาคม

“จนถึงตอนนี้กระทรวงสาธารณสุขแคนาดาหรือสำนักงานสาธารณสุขแห่งแคนาดา ยังไม่ได้รับรายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์อาการไม่พึงประสงค์ใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า ในแคนาดาเลย” ถ้อยแถลงกล่าว

รัฐบาลกลางแคนาดาสั่งซื้อวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าทั้งหมด 20 ล้านโดส และมีกำหนดรับมอบผ่านโครงการโคแว็กซ์ 1.9 ล้านโดส

แม้แคนาดาสั่งซื้อวัคซีนโควิด-19 ในจำนวนโดสต่อประชากร มากกว่าประเทศไหนๆ ในโลก แต่เบื้องต้นการแจกจ่ายเป็นไปอย่างล่าช้า ส่วนหนึ่งสืบเนื่องจากปัญหาความวุ่นวายในการส่งมอบที่เกิดขึ้นกับวัคซีนของไฟเซอร์ อิงก์ และโมเดอร์นา อิงกื

อีกด้านหนึ่ง ออสเตรเลียเปิดเผยในวันศุกร์ (12 มี.ค.) ว่าจะยังคงเดินหน้าฉีดวัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า ด้วยไม่พบหลักฐานที่เชื่อมโยงกับภาวะลิ่มเลือด แม้ชาติในยุโรปบางประเทศตัดสินใจระงับใช้เป็นการชั่วคราว

เดนมาร์ก นอร์เวย์ และไอซ์แลนด์ เมื่อวันพฤหัสบดี (11 มี.ค.) ระงับใช้วัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า หลังมีรายงานพบการก่อตัวของลิ่มเลือดในประชาชนบางรายที่ได้รับวัคซีน

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลออสเตรเลียระบุว่าในขณะที่คณะผู้ควบคุมกฎระเบียบด้านยาของประเทศ จะคอยสังเกตอาการเคสต่างๆ เหล่านี้ จะไม่มีการระงับการแจกจ่ายวัคซีนแต่อย่างใด “เราจะเดินหน้าวัคซีน เราจะเดินหน้าแจกจ่ายวัคซีน” ไมเคิล แม็กคอร์มัค รองนายกรัฐมนตรีบอกกับพวกผู้สื่อข่าวในเมลเบิร์น

พอล เคลลีย์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ของออสเตรเลีย ระบุไม่พบหลักฐานที่บ่งชี้ว่าวัคซีนก่อให้เกิดลิ่มเลือด “เราจริงจังกับมันและทำการสืบสวน” เคลลีในระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ผ่านอีเมล อ้างถึงรายงานเกี่ยวกับการก่อตัวของลิ่มเลือด

ออสเตรเลียจัดซื้อวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าจำนวน 54 ล้านโดส ซึ่งทาง เบรนแดน เมอร์ฟี รัฐมนตรีสาธารณสุขให้คำจำกัดความเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ว่า เป็นวัคซีนขุมกำลังเพื่อออสเตรเลีย เนื่องจากในนั้น 50 ล้านโดสจะเป็นการผลิตในประเทศโครงการแจกจ่ายของวัคซีนเพิ่งเริ่มขึ้นในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้รัฐบาลอนุรักษนิยมตกอยู่ภายใต้แรงกดดันเกี่ยวกับความล่าช้าของโครงการฉีดวัคซีน

นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลียเปิดเผยว่า เชื่อว่าโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 จะสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ภายในเดือนตุลาคมนี้ แม้ว่าออสเตรเลียกำลังประสบปัญหาล่าช้าในขั้นต้นของการฉีดวัคซีนก็ตาม

จนถึงตอนนี้มีประชาชนแค่ราวๆ 150,000 คนที่ฉีดวัคซีนไปแล้ว เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ยังพอควบคุมได้อยู่ โดยออสเตรเลียไม่ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันเหมือนประเทศอื่นๆ ไม่พบผู้ติดเชื้อในชุมชนมานานเกือบ 2 สัปดาห์แล้ว

นับตั้งแต่โรคระบาดใหญ่เริ่มต้นขึ้น ยอดติดเชื้อสะสมของออสเตรเลียเวลานี้อยู่ที่ราวๆ 29,000 คน ในนั้นเสียชีวิต 909 ราย น้อยกว่าประเทศพัฒนาแล้วชาติอื่นๆ ค่อนข้างมาก ผลจากมาตรการปิดชายแดนระหว่างประเทศ ล็อกดาวน์ และกำหนดมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเข้มข้น

(ที่มา : รอยเตอร์)
 

 

วันนี้ (12 มี.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. กระทรวงสาธารณสุขได้ประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา นำโดย ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา ศ.เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภาคณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะรัฐมนตรี เลื่อนการฉีดวัคซีนหลังพบรายงานข่าวว่าประเทศเดนมาร์ก และ 6 ชาติอียู สั่งระงับการฉีดวัคซีนวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เนื่องจากพบว่ามีผู้รับวัคซีนเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน

สำหรับข้อมูลเบื้องต้นที่อาจารย์แพทย์ทุกท่านกล่าวในระหว่างแถลงข่าว คือ การได้รับทราบข้อมูลว่าที่ยุโรปมีผู้ที่มีอาการลิ่มเลือดอุดตันจำนวน 22 ราย จากจำนวนผู้ที่ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าทั้งหมดราว 3 ล้านราย

ดังนั้น คณะกรรมการจึงสรุปตรงกันว่า ควรชะลอการฉีดวัคซีนโควิดของแอสตร้าเซนเนก้าออกไปก่อน เพื่อทำการตรวจสอบให้แน่ชัดถึงความปลอดภัยในการนำมาฉีดให้กับประชาชนต่อไป

แถลงโดย ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา
ศ.เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร
ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข

#โรคไวรัสโควิด19
#โควิด19
#COVID19​
#ไวรัสโคโรนา
#เกาะติดไวรัสโคโรนา​
#ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
#กระทรวงสาธารณสุข
#โควิดเราต้องรอด
#วัคซีนโพสต์โดย กระทรวงสาธารณสุข เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 11 มีนาคม 2021

 

ศ.เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร กล่าวว่า เมื่อคืนมีประกาศจากเดนมาร์ก และออสเตรเลีย ไปฉีดเป็นล้านๆ โดส เจอผลข้างเคียง ทำให้เลือดแข็งตัวในหลอดเลือดดำ ทำให้มีผลไม่พึงประสงค์ ทำให้เดนมาร์กประกาศชะลอการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ทำให้ต้องมีการเร่งพิจารณาโดยเร่งด่วน วัคซีนต้องปลอดภัยที่สุดสำหรับประชาชน ไม่จำเป็นต้องรีบฉีด เพื่อดูผลการสืบค้นจากเดนมาร์กก่อน ว่า เป็นผลข้างเคียงจากวัคซีนหรือไม่

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากว่า แอสตร้าเซนเนก้า ส่งแบด 5300 ไปให้สหภาพยุโรป มีผล เดนมาร์กเสียชีวิต 1 และมีหลายคนพบเลือดแข็งตัวในหลอดเลือดดำ ไอซ์แลนด์ ยังไม่มีเคส แต่ขอชะลอ เพื่อรอดู การสืบค้นของสำนักงานยาแห่งยุโรป เมื่อวาน สำนักงานยาแห่งยุโรป (EMA) ไม่ได้บอกว่าให้หยุดการใช้ เพราะยังยืนยันว่าปลอดภัย ออสเตรเลีย และอีกหลายประเทศ ที่ชะลอ ใช้แบดเดียวกับเดนมาร์ก แต่ไทยไม่ได้ใช้แบดนี้ แต่เพื่อความปลอดภัยไม่เพียงแต่วัคซีน ยาอะไรก็ตามที่มีรายงานแบบนี้ ขอหยุดก่อน เพื่อสืบค้น ในระยะสั้นๆ

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า อาการไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นได้ แต่ต้องสอบสวนว่าเกิดขึ้นจากวัคซีนหรือไม่ เวลาขึ้นเครื่องบิน มีคำเตือนหลายอย่าง เช่น นั่ง นอนนานๆ โอกาสที่เลือดจะแข็งตัวในหลอดเลือดดำ โอกาสที่จะอุดไปอยู่ในปอด เลือดก็จะกลับเข้าปอดไม่ได้ ถ้าก้อนใหญ่ ก็อาจทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิต อุบัติการณ์นี้ พบมากในคนเชื้อชาติ แอฟริกัน กับ ยุโรป มากกว่าเอเชีย โดยพบมากกว่าเอเชียถึง 3 เท่า เชื่อว่า พันธุกรรมเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ ฉีดวัคซีนไปทั้งสิ้น 3 ล้านโดส มีผู้ป่วยที่เกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ 22 คน ในจำนวนนี้เสียชีวิต 1 คน โอกาสการเกิดเท่ากับ 7 ในล้านราย ต้องสอบสวนว่า เกิดขึ้นในภาวะปกติ ที่ถึงแม้ไม่ได้ฉีดวัคซีน ก็เกิดหรือไม่ ต้องหาสาเหตุว่า วัคซีนไปทำให้เกิดอะไร ทำให้ลิ่มเลือดแข็งตัวได้ง่าย ยกตัวอย่าง ฉีดวัคซีนให้คนไข้คนหนึ่ง เดินออกจากมาจาก รพ.เดินตกท่อ ก็ต้องมาหาว่า เกิดขึ้นกับวัคซีนหรือป่าว ซึ่งอาจจะเกิดจากวัคซีนก็ได้ ไม่เกิดก็ได้ เช่น เวียนหัวแล้วเดินตกท่อ หรือ สะดุดตกท่อ

พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญศูนย์เด็ก (โรคติดเชื้อ) รพ.ศิริราช กล่าวว่า เป็นปกติที่จะมีการรายงานผลที่ไม่พึงประสงค์ ยิ่งระบบดี ยิ่งมีรายงาน, เมื่อมีการฉีดวัคซีนในปริมาณ 30 กว่าล้านโดส ในเวลาที่รวดเร็ว อาจจะเป็นการไปฉีดในระหว่างที่โรคบางโรคกำลังก่อตัวขึ้นก็มาใกล้ได้ แต่แม้ว่ามีอาการใกล้เคียงกับการฉีดวัคซีน ก็ต้องมีการสืบสวนก่อน ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร, การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ไม่เคยเป็นปัญหาใดๆ ของวัคซีนที่เคยมีมาก่อนเลย อาจเป็นไปได้มากว่ามีเหตุอื่นที่เกิดใกล้กัน เลยสอบสวนไว้ก่อน ในหมู่นักวิชาการก็มองแล้ว ไม่น่าเกี่ยวกัน แต่ก็จะไม่ออกมาบอกก่อน ขอรอผลสอบสวน, ไทยมีระบบตรวจสอบเข้มแข็ง รวมทั้งไลน์ หมอพร้อม สถานพยาบาลก็มีการสังเกตอาการหลังฉีด มีคณะผู้เชี่ยวชาญ ที่จะลงไปดูละเอียดถึงสาเหตุว่า เหตุการณ์ที่รายงานมานี้ เกี่ยวกับไม่เกี่ยวกับวัคซีน , ขอให้มั่นใจว่าระบบหลังบ้านเรา ดี และเข้มแข็ง, ยุโรปก็เหมือนกัน จึงมีการรายงาน การใช้วัคซีน แล้วหยุดชั่วคราว ไทยก็ทำมาหลายครั้ง สืบสวนก่อน ถ้าไม่เกี่ยวข้องกับฉีดก่อน มีการหยุดเป็นประจำ แล้วหยุดแล้ว ไม่เคยเจอเลยว่าเหตุการณ์เหล่านั้นเกิดจากวัคซีน แต่จะต้องทำการสืบสวนต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะชัดเจน

ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา กล่าวว่า ท่านคณบดีศิริราช ศึกษาเรื่องนี้อย่างมาก เห็นด้วยอย่างยิ่งที่ว่าจะให้ชะลอไว้ก่อน ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่าสำหรับประชาชนทั่วๆ ไป, ตัวเอง 81 ปี ถ้าท่านรัฐมนตรีจะให้เป็นหนูทดลอง ก็เต็มใจนะ แต่พอคณะแพทย์มาบอกว่า ยังไม่ชัดเจนว่าผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น มีคนโทร.มาหาหลายคน ท่านปิยสกลก็โทร.มาแต่เช้า ก็สนับสนุนความเห็นของทุกท่าน เพราะผ่านการกลั่นกรองมาแล้วอย่างดี ดีว่าที่จะชะลอไว้ก่อน แต่ไม่ได้บอกว่าเราจะเลิก

ศ.นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า ความปลอดภัยของประชาชน คือ เป้าหมายสูงสุดของกระทรวงสาธารณสุข แอสตร้าฯ ฉีดทั้งโลก ประมาณ 34 ล้านโดส มีผลข้างเคียงบ้าง เราก็รอฟัง อยากมากก็ 1-2 สัปดาห์ ก็จะสร้างความมั่นใจได้ว่า ปลอดภัย ถึงนำมาฉีดให้ประชาชนของเรา ขอให้มั่นใจว่า สาธารณสุขกับรัฐบาลจะมอบให้ เป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ การฉีดวัคซีนยังไม่หยุด เพราะยังมีของซิโนแวค ผมคิดว่าประชาชนที่มีความจำเป็นต้องได้รับวัคซีนระยะแรก ต้องรับต่อไป

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ยืนยันว่า แอสตร้าเซนเนก้ายังมีผลที่ดี และยังมีวัคซีนซิโนแวค ที่ฉีดอยู่, สธ.น้อมรับการแนะนำ ให้เลื่อนฉีดไประยะสั้น จนกว่าการสืบค้นจะมีความชัดเจน

นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า การฉีดวัคซีนที่เกี่ยวกับเกาหลีใต้ ที่มีผู้เสียชีวิต ยืนยันว่า รายงานอย่างเป็นทางการแล้ว ไม่สัมพันธ์กับการฉีดวัคซีน

 

 

 
 

ข้อมูลจาก https://mgronline.com/qol/detail/9640000023930

 

12 มี.ค.64 - ศ.เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร พร้อมด้วย ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา และ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวกรณีเลื่อนการฉีดวัคซีน แอสตราเซนเนก้า

ศ.นพ.ยง กล่าวว่า คณะแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุขชะลอการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของแอสตราเซนเนก้าให้กับนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี เพื่อรอการตรวจสอบหลังจากหลายประเทศในยุโรประงับการใช้วัคซีนของแอสตราเซนเนกาชั่วคราว เพราะมีผู้ป่วยที่ฉีดวัคซีนแล้วเกิดอาการแข็งตัวของเลือดในหลอดเลือดดำและพบผู้เสียชีวิต 1 รายว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกันหรือไม่ นอกจากนี้ วัคซีนแอสตราเซนเนก้าที่ไทยจะฉีดผลิตจากโรงงานในเอเซียไม่ได้ผลิตที่ยุโรป ทั้งนี้ ประเทศไทยไม่ได้เป็นประเทศเสี่ยงสูง ดังนั้นการชะลอออกไป 5-7 วัน หรือ 2 สัปดาห์ไม่ได้เกิดผลกระทบมากนัก ดังนั้นคณะผู้เชี่ยวชาญจึงมีมติให้ชะลอออกไปก่อน ต้องดูความปลอดภัยเป็นหลัก

ข้อมูลจาก https://www.thaipost.net/main/detail/95816

ด่วน..5 ประเทศยุโรปประกาศระงับใช้วัคซีนโควิด-19 "แอสตราเซเนกา" ล็อต ABV5300

 

ด่วน..5 ประเทศยุโรปประกาศระงับใช้วัคซีนโควิด-19 "แอสตราเซเนกา"ล็อต ABV5300 หลังพบเมื่อฉีดแล้วเกิดลิ่มมเลือดอุดตัน.ทำให้เสียชีวิต

 

สำนักงานยายุโรปพบผู้ได้รับวัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกาล็อต ABV5300 จำนวน 4 ราย มีภาวะเลือดแข็งตัวหลังฉีด ดับแล้ว 1 ราย ทำให้ 5 ประเทศระงับใช้วัคซีนล็อตดังกล่าว

หน่วยงานกำกับดูแลยาแห่งชาติของออสเตรีย ได้ประกาศระงับการใช้วัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกาล็อตหนึ่ง หลังจากผู้รับวัคซีน 4 รายได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะเลือดแข็งตัวซึ่งอาจเป็นอันตรายได้

สำนักงานยายุโรป (EMA) ระบุว่า จากผู้เข้ารับวัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกาล็อตรหัส ABV5300 จำนวน 4 ราย มี 1 รายที่เสียชีวิตแล้วจากลิ่มเลือดอุดตัน

ส่วนผู้รับวัคซีนรายที่สองได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะเส้นเลือดในปอดอุดตัน ซึ่งเกิดการอุดตันในหลอดเลือดแดงในปอด แต่ขณะนี้กำลังพักรักษาตัวและอาการดีขึ้น และเมื่อวันอังคาร (9 มี.ค.) ก็พบผู้เข้ารับวัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกาล็อตดังกล่าวมีภาวะเลือดแข็งตัวเพิ่มอีก 2 ราย

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
หลังฉีด วัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์ หญิงญี่ปุ่น ช็อก แพ้อย่างรุนแรง 17 ราย

 

EMA กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานว่าวัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกาก่อให้เกิดความผิดปกติดังกล่าวหรือไม่ และจะยังไม่ระบุว่าเป็นผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากวัคซีน

วัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกาล็อต ABV5300 มีจำนวน 1 ล้านโดสและถูกส่งไปยัง 17 ประเทศในสหภาพยุโรป คือ ออสเตรีย บัลแกเรีย ไซปรัส เดนมาร์ก เอสโตเนีย ฝรั่งเศส กรีซ ไอซ์แลนด์ ไอร์แลนด์ ลัตเวีย ลิทัวเนีย ลักเซมเบิร์ก มอลตา เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ สเปน และสวีเดน

โดยออสเตรียประเมินว่า วัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกาล็อตดังกล่าวเป็นร่วมของผู้ที่มีภาวะเลือดแข็งตัวทั้ง 4 ราย จึงตัดสินใจระงับการใช้วัคซีนล็อตดังกล่าวไปก่อน

นอกจากนี้ ยังมีอีก 4 ประเทศ ได้แก่ เอสโตเนีย ลิทัวเนีย ลักเซมเบิร์ก และลัตเวีย ขณะนี้ได้ระงับการใช้วัคซีนดังกล่าวเช่นกัน เพื่อให้เวลาคณะกรรมการประเมินความเสี่ยงด้านเภสัชวิทยา (PRAC) ของ EMA ดำเนินการตรวจสอบสาเหตุที่แน่ชัดว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกาหรือไม่

EMA กล่าวว่า “ข้อบกพร่องด้านคุณภาพโดยภาพรวมของวัคซีนนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้น แต่เรากำลังตรวจสอบคุณภาพของวัคซีนล็อตนี้”

 

โดย PRAC กำลังตรวจสอบเงื่อนไขการเกิดลิ่มเลือดที่เชื่อมโยงกับวัคซีนโควิด-19 ล็อตเดียวกัน ตลอดจนรายงานอื่น ๆ เกี่ยวกับการเกิดลิ่มเลือดและภาวะเลือดแข็งตัว

“ข้อมูลที่มีอยู่บ่งชี้ว่า จำนวนผู้ได้รับวัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกาแล้วเกิดลิ่มเลือดอุดตันไม่ได้สูงไปกว่าที่พบในประชากรทั่วไป” PRAC กล่าว

EMA กล่าวว่า ที่ผ่านมามีรายงานพบผู้มีภาวะเลือดแข็งตัว 22 ราย ในบรรดาผู้คน 3 ล้านคนที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกาในเขตเศรษฐกิจยุโรป

เรียบเรียงจาก EMA / Yahoo News

 

ข้อมูลจาก https://www.komchadluek.net/news/foreign/460847

 

12 มี.ค.64 - นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กรายงานสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก 12 มีนาคม 2564 มีรายละเอียดดังนี้

ทะลุ 119 ล้านไปแล้ว

 

เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 478,346 คน รวมแล้วตอนนี้ 119,045,435 คน ตายเพิ่มอีก 10,026 คน ยอดตายรวม 2,639,736 คน

อเมริกา เมื่อวานติดเชิ้อเพิ่ม 62,769 คน รวม 29,909,515 คน ตายเพิ่มอีก 1,684 คน ยอดตายรวม 543,305 คน อีกสองวันจะมียอดติดเชื้อรวมแตะสามสิบล้านคน
อินเดีย ติดเพิ่ม 21,592 คน รวม 11,305,877 คน

บราซิล ติดเพิ่ม 75,412 คน รวม 11,277,717 คน ยอดเสียชีวิตวันนี้สูงที่สุดในโลก 2,233 คน สอดคล้องกับข่าวที่เผยแพร่กันช่วงนี้ว่าระบบสุขภาพของบราซิลไม่สามารถแบกรับภาระการดูแลรักษาได้ พรุ่งนี้บราซิลจะแซงอินเดียขึ้นเป็นอันดับสองของโลก
รัสเซีย ติดเพิ่ม 9,270 คน รวม 4,360,823 คน

สหราชอาณาจักร ติดเพิ่มอีก 6,753 คน รวม 4,241,677 คน  

อันดับ 6-10 เป็น ฝรั่งเศส ตุรกี อิตาลี สเปน และเยอรมัน ส่วนใหญ่ติดกันหลักพันถึงหลายหมื่นต่อวัน

แถบอเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย อย่างโคลอมเบีย เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงบังคลาเทศ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ยังติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น

แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็ยังมีติดเชื้อเพิ่ม ส่วนใหญ่หลักร้อยถึงพันกว่า

ในขณะที่แถบตะวันออกกลาง ประเทศส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักพัน

เกาหลีใต้ ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนเมียนมาร์ จีน ไทย ฮ่องกง ออสเตรเลีย และกัมพูชา ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่สิงคโปร์ เวียดนาม และนิวซีแลนด์ ติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ

วิเคราะห์ภาพรวมขณะนี้ อเมริกา สหราชอาณาจักร รัสเซีย อินเดีย มีการระบาดที่มีแนวโน้มทรงตัว ดีขึ้นกว่าปลายปีก่อน แต่กลุ่มประเทศยุโรปอื่นๆ นั้นมีสถานการณ์ค่อนข้างแย่ลง อย่างเช่น ฝรั่งเศส อิตาลี โปแลนด์ โรมาเนีย เช็ค รวมถึงประเทศในทวีปอื่นๆ เช่น ตุรกี เป็นต้น

เมื่อวานนี้วัคซีนของ Novavax มีการประกาศอัพเดตข้อมูลผ่าน press release ของบริษัท โดยเผยแพร่สรุปผลการวิจัยระยะที่ 3 ในสหราชอาณาจักร ซึ่งทำการศึกษาในคนอายุ 18-84 ปี โดยมีคนอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไปราว 27% สาระสำคัญก็สอดคล้องกับที่เคยมีการเผยแพร่มาก่อนหน้านี้ โดยมีผลการป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการได้ถึง 96% และสามารถป้องกันในกรณีที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กลายพันธุ์ทั้งสายพันธุ์สหราชอาณาจักรได้ 86% และแอฟริกาใต้ 55%

ความเคลื่อนไหวของประเทศต่างๆ ทั่วโลกนั้นทำให้เราเห็นชัดเจนถึงความจริงจังจริงใจ และมุ่งมั่นที่จะปกป้องสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน การเลือกใช้วัคซีนที่มีสรรพคุณสูง ทั้งเรื่องการป้องกันการติดเชื้อ การป้องกันการเจ็บป่วย การลดความรุนแรงของโรคและอัตราการตาย รวมถึงผลต่อสายพันธุ์ที่กลายพันธุ์ต่างๆ และมีความปลอดภัย จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง และเป็นการพิสูจน์ความสามารถในการบริหารจัดการระดับประเทศ

ข้อมูลของวัคซีนชนิดต่างๆ จำเป็นต้องได้รับการเปิดเผย ให้สืบค้น ตรวจสอบได้อย่างชัดเจน เพื่อยืนยันหลักฐานวิชาการในเรื่องสรรพคุณและความปลอดภัย

ที่สำคัญที่สุดสำหรับทุกประเทศคือ การต้องไม่ปิดกั้น และต้องพยายามสนับสนุนให้ประชาชนมีทางเลือกในการเข้าถึงอาวุธป้องกันโรคที่ดี มีสรรพคุณสูง ทัดเทียมนานาประเทศ ไม่ทำแบบปากอย่างใจอย่างและกระทำอีกอย่าง

การรับหรือไม่รับวัคซีนใดๆ นั้น เป็นสิทธิของประชาชนแต่ละคน โดยควรได้รับการบอกกล่าวเล่าแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลโดยละเอียด และมีข้อมูลให้เข้าถึงได้จริง ไม่ใช่โฆษณาเพียงลมปากการันตีโดยคนหรือหน่วยงานใดเพียงเท่านั้น

หากพัฒนาให้คนในสังคมมีสมรรถนะในการรู้เท่าทัน เข้าถึง สืบค้น และนำความรู้ที่ถูกต้องมาเป็นแสงส่องทางประกอบการตัดสินใจตามหลักเหตุและผลแล้ว ก็จะทำให้สังคมเราสามารถต่อสู้กับภัยคุกคามในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ถูกหลอกลวงหรือตกกับดักได้โดยง่าย

สถานการณ์ปัจจุบันของเรา ยืนยันว่ายังไม่ปลอดภัย มีการระบาดอย่างต่อเนื่อง ขอให้ป้องกันตัวอย่างเคร่งครัดครับ

ด้วยรักและปรารถนาดี.

ข้อมูลจาก https://www.thaipost.net/main/detail/95812

 

"เสื้อตัวนี้มูลค่าเท่าไหร่"
"หนึ่งเหรียญ" เขาตอบ

"ลูกสามารถเอาไปขายให้ได้สองเหรียญไหม"

"คนซื้อคงเป็นไอ้โง่เท่านั้น"

"ทำไมไม่ลองดู" พ่อใช้สายตาจริงจังมองเขา

"ที่บ้านฐานะไม่ดีนัก หากทำได้ ก็จะเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระให้แม่บ้าง"

"จะลองดู แต่ไม่แน่ใจว่าจะทำได้"

เขาเอาเสื้อไปซัก ที่บ้านไม่มีเตารีด เลยเอาไม้กระดานทับให้เรียบ

เขานำเสื้อไปเร่ขายที่ตลาดนัดหน้าสถานีรถใต้ดิน
ใช้เวลาหกชั่วโมงกว่าจะขายได้ แต่ก็ดีใจมาก กำเงินสองเหรียญวิ่งไปให้แม่

หลังจากนั้น เขาเลยไปคุ้ยเสื้อจากกองเสื้อผ้าเก่าๆในบ้านทุกวัน นำไปขายยังตลาดนัดเป็นประจำ

มีอยู่วันหนึ่ง พ่อนำเสื้ออีกตัวมาให้เขา

"ทำยังไงก็ได้ ขายเสื้อตัวนี้ให้ได้ยี่สิบเหรียญ"

"เป็นไปได้ไง อย่างมากก็สองเหรียญเหมือนเดิม"

"ทำไมไม่ลองดู ลองคิดดูให้ดี ต้องมีวิธีแน่นอน" พ่อยืนยันด้วยความมั่นใจ

ในที่สุด เขาก็หาวิธีในแบบฉบับของเขาเองจนเจอ
เขาเอาเสื้อไปหาลูกพี่ลูกน้องของเขาคนหนึ่งที่มีฝีมือทางวาดรูป

วานให้เขาช่วยวาดรูปเป็ดโดนัลดั๊กที่น่ารักไว้บนเสื้อ แล้วเสริมด้วยมิ๊กกี้เม้าส์ขี้เล่นอีกตัว

เขาเลือกที่จะไปวางขายหน้าโรงเรียนของลูกคนรวย

ชั่วเวลาเดี๋ยวเดียว พี่เลี้ยงของเด็กนักเรียนคนหนึ่งก็ตัดสินใจซื้อให้เจ้านายน้อยของเขา แล้วยังจ่ายทิปให้เขาอีกห้าเหรียญ

ยี่สิบห้าเหรียญ พระเจ้า นี่มันมากกว่าเงินเดือนทั้งเดือนของพ่อเสียอีก

ไม่นานหลังจากนั้น พ่อยื่นเสื้ออีกตัวให้เขา

"ขายให้ได้สองร้อยเหรียญ"พ่อเพ่งสายตามาที่เขา

เขารับเสื้อตัวนั้นมาแบบไม่มั่นใจ

มองดูเสื้อตัวนั้นอย่างครุ่นคิด พยายาม....พยายาม....
แต่ยังไม่เห็นทาง

แล้วโอกาสก็มาถึง

ตอนนั้น ภาพยนตร์เรื่องนางฟ้าชาลีกำลังดัง นางเอกของเรื่องคือซาราห์ ฟอว์เซตต์ได้เดินทางมานิวยอร์คเพื่อทำการโฆษณาให้ภาพยนตร์เรื่องนี้

หลังจากงานพบสื่อมวลชนเพิ่งจะจบลง

เขามุดตัวผ่านด่านเหล่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้าไปประชิดตัวนางเอกคนดัง แล้วยื่นเสื้อตัวนั้นขอลายเซ็นจากนางเอก

ฟาราห์ตกใจนิดนึง แต่แล้วก็หัวเราะ ก็เธอจะปฏิเสธเซ็นชื่อให้เด็กน้อยหน้าตาใสซื่ออย่างเขาได้ไง

เขารับเสื้อพร้อมลายเซ็นตัวนั้นจากฟาราห์ด้วยความซาบซี้ง "ผมจะเอาเสื้อตัวนี้ไปขายได้ไหม"

"แน่นอน นี่เป็นเสื้อของหนู เต็มที่เลย"

มีการประมูลขายเสื้อตัวนั้นทันที สุดท้ายมีพ่อค้าน้ำมันชนะประมูลไปในราคาหนึ่งพันสองร้อยเหรียญ

กลับถึงบ้าน ความครื้นเครง ฮาเฮ ความสุขอัดเต็มอยู่กับทุกอนุของสมาชิกทุกคนในครอบครัว
พ่อเขาปลื้มจนน้ำตาไหล กอดลูกชายแน่น

"พ่อไม่คิดว่าลูกจะทำได้ ตอนแรกตั้งใจจะให้เพื่อนแกล้งไปซื้อจากลูกในราคาสองร้อยเหรียญ ไม่คิดว่าลูกจะทำได้จริงๆ แล้วยังได้ถึงพันสองร้อยเหรียญ เยี่ยมจริงๆ ลูกพ่อ"

คืนนั้น พ่อลูกนอนคุยกัน พ่อถามว่า

"จากเหตุการณ์ขายเสื้อในระยะนี้ ทำให้ลูกเรียนรู้อะไรได้บ้าง"

"ผมเข้าใจ พ่อพยายามปลุกเร้าให้ผมตื่นตัวไม่ย่อท้อ ไม่ว่าเจออะไร ขอให้ใช้สมอง ใช้ความพยายามเต็มที่กับมัน อะไรที่บอกว่าเป็นไปไม่ได้ มันย่อมมีสิทธิ์เป็นไปได้ทั้งนั้น”

20 ปีผ่านไป ชื่อของเขาโด่งดังไปทั่วโลก
เขากลายเป็นเจ้าชายแห่งวงการบาสเกตบอล ไมเคิล จอร์แดน

*******************

"ผมยอมรับความพ่ายแพ้ได้
เพราะบางครั้งเราก็หนีมันไม่พ้น
แต่ผมยอมรับไม่ได้
ถ้าไม่ยอมแม้แต่จะพยายาม”
.............ไมเคิล จอร์แดน

"ขจรศักดิ์"


.
ข้อความยาวแต่ควรอ่านอันตราย ! ฝาครอบแก้วชาไข่มุก ... หยุดลมหายใจ
.
> ปุ๊ !
. เสียงหลอดกาแฟอันโตกระแทกเจาะฝาครอบแก้วชาไข่มุก
> เศษฝาพลาสติกแผ่นกลมขนาดเท่าปลายหลอดตกลงสู่ก้นแก้ว
> ฉันดูดเครื่องดื่มสุดโปรดอย่างหิวกระหายและ
> กระดกแก้วกินน้ำแข็งจนเกลี้ยงตามความเคยชิน

> เมื่อจะทิ้งแก้วลงถังขยะ
> ฉันแปลกใจเล็กน้อยที่ไม่เห็นเศษฝาพลาสติกอยู่ในแก้วเหมือนทุกคราว
> แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก

> สักพัก รู้สึกเหมือนมีบางสิ่งลักษณะเป็นแผ่นบาง ๆ ติดอยู่ในคอ
> แม้จะพยายามล้วงและดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อให้อาเจียน
> แต่สิ่งนั้นก็ไม่ยอมหลุดออกมา
> ฉันรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่เริ่มติดขัด
> อาจารย์และเพื่อน ๆ จึงรีบพาส่งโรงพยาบาล
> เมื่อไปถึงโรงพยาบาล
> หลังจากรอหมออยู่เกือบสองชั่วโมง หมอก็ให้ลองกลืนน้ำดู
> ปรากฎว่ามีสิ่งแปลกปลอมติดอยู่จริง
> ตามด้วยการเอกซเรย์ ซึ่งสูญเปล่า เพราะไม่เห็นสิ่งแปลกปลอมนั้นเลย
> จึงตัดสินใจให้วางยาสลบเพื่อส่องกล้องตรวจหาต้นเหตุ
> ระหว่างนั้นฉันยังรู้สึกตัวดีอยู่ทุกอย่าง
> จนกระทั่งหลังวางยาสลบ
> ท่อส่องทางเดินอาหารขนาดใหญ่ประมาณท่อประปาขนาดเล็ก
> สอดจากปากผ่านลงไปตามทางเดินอาหาร
> แต่ไม่รู้ด้วยโชคร้ายของฉัน
> หรือด้วยความประมาทเลินเล่อของใคร
> แทนที่เจ้าท่อนี้จะเป็นอุปกรณ์ในการตรวจเพื่อช่วยชีวิตฉัน
> หลังการตรวจ
> มันกลับทำให้ฉันรู้สึกปวดแน่นหน้าอกและหลังอย่างสุดจะบรรยาย
> เมื่อฟื้นจากยาสลบ แม่บอกว่าฉันปากซีด ตัวเขียว และไข้ขึ้น
> ผิดกับเมื่อตอนก่อนส่องกล้องราวกับคนละคน
> จนแม่ใจหาย รีบตามหมอกลางดึก

> การกลืนแป้งเพื่อเอกซเรย์เริ่มขึ้น
> ผลปรากฎว่า หลอดอาหารทะลุ ต้องผ่าตัดด่วน
> แต่แม่ไม่มีเงิน อย่าว่าแต่ค่าผ่าตัดที่สูงลิบลิ่วของโรงพยาบาลเอกชนเลย
> แม้แต่ค่าตรวจทั้งหลายก่อนหน้านี้
> ที่เกินวงเงินการประกันอุบัติเหตุของนักศึกษา เพียงไม่กี่พันบาท
> แม่ก็ไม่มี ทางโรงพยาบาลจึงขอยึดบัตรประชาชนของแม่ไว้
> เพื่อเป็นหลักประกันให้แม่หาเงินส่วนเกินมาชำระในภายหลัง
> หมอที่ส่องกล้องแนะนำให้ย้ายฉันไปโรงพยาบาลรัฐบาลที่เขาประจำอยู่
> แต่แม้จะเป็นโรงพยาบาลรัฐบาลก็ต้องคุยกันเรื่องค่าใช้จ่ายเช่นกัน
> แม่จึงวิ่งวุ่นติดต่อเรื่องใช้สวัสดิการบัตรประกันสุขภาพ 30 บาท
> กว่าจะเสร็จเรียบร้อยก็เกือบเที่ยง
> นั่นแหละฉันจึงได้รับการผ่าตัด
>
> การผ่าตัดใช้เวลาเกือบ 4 ชั่วโมง
> เพราะรอยทะลุที่หลอดอาหารอยู่ใกล้ปอด
> น้ำย่อยจะไหลเข้าไปในปอดซึ่งอันตรายมาก
> หมอต้องผ่าตัดเปิดซี่โครงจากราวนมด้านซ้ายไปจนถึงสันหลังอีกข้าง
> แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังไม่สามารถซ่อมแผลได้หมด
> เพราะแผลในทางเดินอาหารเป็นทางยาว
> จากต้นคอถึงกระเพาะ ยาวถึง 30 เซนติเมตร

> สามวันหลังผ่าตัด ฉันลืมตาขึ้นมาพร้อมสายระโยงระยางเต็มตัว
> สายจากจมูกทั้งสองข้างเพื่อเอาน้ำย่อยในกระเพาะออกมา
> สายที่ไว้ดูด น้ำมูก น้ำลาย สายที่ต่อจากบริเวณซี่โครงที่ผ่าตัดเพื่อเอาเลือดจากแผลออกมา
> สายให้เลือด สายน้ำเกลือ

> สิบเอ็ดวันที่อยู่โรงพยาบาลเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
> กินอาหารไม่ได้อยู่เป็นอาทิตย์
> ยิ่งเวลานอนจะรู้สึกทรมาน
> เพราะเจ็บที่บริเวณแผลผ่าตัดเป็นที่สุด
> หมอที่ส่องกล้อง ซึ่งช่วยหาหมอผ่าตัดให้
> มาสารภาพในภายหลัง ว่า...
> แผลในทางเดินอาหารที่ยาวเหยียด
> เกิดจากการส่องกล้องไปดันเอาเศษแผ่นพลาสติก
> ซึ่งติดอยู่ที่ระหว่างหลอดลมและหลอดอาหารให้ครูดบาดไปตลอดทางเดินอาหาร

> แต่อย่างไรเขาก็ติดต่อหาหมอผ่าตัดที่เชี่ยวชาญให้
> เ และเป็นความผิดพลาดที่เขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจ
> เพราะมองไม่เห็นแผ่นพลาสติกแก้วที่ติดอยู่ที่หลอดลม/ หลอดอาหาร

> กรุณาช่วยส่งต่อเพื่อนๆ พี่ๆ
> เพื่อเตือนภัยคนที่เรารักและเป็นห่วงนะคะ
กินชาไข่มุก แก้วต่อไป ระวังนะคะ
> แผ่นพลาสติกที่เจาะทะลุจากตัวแก้ว...
> อันตรายถึงชีวิตได้
> บอกลูกหลานด้วย
> โดยเฉพาะเด็ก ๆ ที่ชอบซื้อเครื่องดื่มทานเองค่ะ
> ฝาครอบแก้วที่ต้องเจาะรู... ผู้ปกครองควรช่วยดูแล

 

ศาสตราจารย์นายแพทย์สุจริต ภักดีเป็นนักไวรัสวิทยาชาวเยอรมันและศาสตราจารย์ด้านจุลชีววิทยา เขาเป็นคนไทยที่เกิดในสหรัฐอเมริกาและได้รับการศึกษาที่โรงเรียนในสวิตเซอร์แลนด์อียิปต์และไทย เขาเรียนแพทย์ที่มหาวิทยาลัยบอนน์ เขาเป็นอดีตหัวหน้าสถาบันจุลชีววิทยาทางการแพทย์และสุขอนามัยในเยอรมนี
นายแพทย์สุจริต ภักดี อายุ 73 ปี บอกว่าจะไม่ยอมให้ฉีดวัคซีนป้องกัน Covid -19 อย่างเด็ดขาดและนี่คือ 4 เหตุผลของท่าน

1. วัคซีน เฉพาะตัวมันเองก็ทำให้เกิดผลข้างเคียงอยู่แล้ว : วัคซีนป้องกัน Covid - 19 นี้ไม่เคยทดสอบกับผู้สูงอายุ เกือบทั้งหมดทดลองกับคนหนุ่มสาวที่แข็งแรง เท่านั้น ราวครึ่งนึงมีไข้ หนาวสั่น ปวดกล้ามเนื้อ มีภาวะบวมน้ำเหลือง ปวดหัว และไม่สบาย ดังนั้นถ้าฉีดวัคซีนนี้ให้กับคนสูงอายุที่มีอาการเหล่านี้อยู่ก่อนแล้ว ก็จินตนาการไม่ออกว่าหลังจากได้รับวัคซีนไปแล้วจะเป็นอย่างไร
2. วัคซีนมีส่วนประกอบหลายอย่างซึ่งสารหรือสิ่งที่ถูกห่อหุ้ม (mRNA) อาจทำให้เกิดการแพ้อย่างรุนแรง
3. วัคซีนนี้อาจทำให้เกิดปฎิกริยาเกินจริง (Overreaction) กับการติดเชื้อที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติตามมา เช่นไข้หวัดใหญ่ วัคซีนจะทำให้การทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ทำงานเกินจริง ผลการทดลองในสัตว์ สำหรับเชื้อไวรัส ซาร์ - โควิด -1 พบว่ามันทำให้เกิดการขยาย (Amplification) ของระบบภูมิคุ้มกันเพื่อทำปฎิกริยากับโรค ส่งผลให้สัตว์ทดลองเกือบเสียชีวิต ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เมื่อคุณฉีดวัคซีนเข้าไป ภายในเวลาไม่กี่นาที วัคซีน (mRNA) จะกระจายไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว และมันจะเข้าไปยังเซลล์ที่ไม่ได้ติดเชื้อด้วย และมันจะผลิตไวรัสโปรตีนในเซลล์ของเรา ทำเซลล์ของเราให้เป็นโรงงานผลิตโปรตีน และจะทำให้เกิดอาการแพ้ภูมิตัวเอง รวมทั้งอาจส่งผลถึงภาวะเส้นเลือดอุดตัน ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้
4. วัคซีนนี้ไม่ควรใช้กับสตรีมีครรภ์ (BioNtechไบโอเอนเทค ถึงกับห้ามให้วัคซีนกับสตรมีครรภ์เลยทีเดียว) และหากสตรีได้รับการฉีดวัคซีนนี้แล้วก็ไม่ควรมีครรภ์ในระยะ 2 เดือนหลังจากได้รับวัคซีน
Cr. V.Chalermchai ผู้แปล

Jessada Denduangboripant
3 h ·
"อย่าเพิ่งตกใจ กับข่าว "หม้อทอดไร้น้ำมัน กับสารก่อมะเร็ง" ครับ ... ปัญหาหลักมันอยู่ที่ "มันฝรั่ง" และการให้ความร้อน ไม่ใช่ที่ตัวหม้อทอดครับ"
หลายคนเห็นคลิปข่าวตามภาพด้านล่าง (กำลังแชร์กันใหญ่เลย) ที่พูดถึงผลการสำรวจโดยองค์กรคุ้มครองผู้บริโภค ของฮ่องกง แล้วเข้าใจผิดว่า "หม้อทอดไร้น้ำมัน (air flyer)" เป็นสาเหตุทำให้เกิด "สารอะคริลาไมด์ (acrylamide)" ที่ก่อมะเร็ง
แต่จริงๆ ปัญหาอยู่ที่ "มันฝรั่ง" ซึ่งเมื่อนำมาให้ความร้อนสูงๆ เวลานานๆ ไม่ว่าจะไปทอดน้ำมัน หรือใช้หม้อทอดประเภทนี้ ก็เกิดสารอะคริลาไมด์ได้ง่ายทั้งนั้น (แต่ทีเฟรนช์ฟราย กินกัน ไม่เห็นกลัวเลย หึๆๆ) ซึ่งถ้าลดความร้อนลง และใข้เวลาทอดน้อยลง ก็จะมีสารนี้น้อยลง ตามไปด้วยนะครับ
1. จริงๆ ผมเคยเขียนเรื่องหม้อทอดไร้น้ำมัน ให้ความรู้เอาไว้ค่อนข้างละเอียดแล้วนะ ทั้งเรื่องข้อดีและข้อเสียของมัน รวมทั้งเรื่องสารอะคริลาไมด์นี้ด้วย ลองดูตามลิงค์รายการ ชัวร์แน่หรือแชร์มั่ว ตอนนี้ครับ (https://m.facebook.com/watch/?v=1416024501914514&_rdr)
2. ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ก็เคยอธิบายเรื่องทำนองนี้เหมือนกัน (https://workpointtoday.com/anti-face-air-fryer/) ว่าการใช้หม้อทอดไร้น้ำมัน ไม่ได้เป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง แต่เป็นเพราะอาหารจำพวกแป้งและเนื้อสัตว์นั้น ไม่ว่าจะใช้อุปกรณ์ชนิดใดปรุงอาหาร หากใช้ความร้อนสูง เป็นเวลานาน ก็อาจส่งผลให้เกิดสารก่อมะเร็งได้
ประชาชนจึงไม่ควรตระหนกจนเกินเหตุ และควรปรุงอาหารด้วยความร้อนระดับปานกลางและใช้ระยะเวลาสั้นๆ ไม่ควรปิ้งย่างเนื้อสัตว์จนไหม้เกรียม และการลวกมันฝรั่งก่อนการทอด จะช่วยลดการเกิดสารอะคริลาไมด์ได้
3. สำหรับประเด็นเรื่องการเกิดสารอะคริลาไมด์ในหม้อทอดไร้น้ำมันนั้น ทางหน่วยงานการสาธารณสุขของฮ่องกงได้เคยแถลงถึงเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว แล้วว่า
3.1 จากรายงานของกลุ่มคุ้มครองผู้บริโภคในประเทศเกาหลี ที่ระบุว่า มันฝรั่งทอดเฟรนช์ฟรายซึ่งทำจากหม้อทอดไร้น้ำมันที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส นั้นทำให้เกิดสารอะคริลาไมด์ในระดับที่มีนัยสำคัญ .. ซึ่งทำให้หลายคนเป็นกังวล
3.2 สารอะคริลาไมด์นั้นเกิดขึ้นได้เอง เมื่ออาหารที่มีกรดอะมิโนชนิดแอสปาราจีน (asparagine) และน้ำตาลรีดิวซ์ส (reducing sugar) เช่น น้ำตาลกลูโคสและฟรุกโตส ถูกนำไปให้อุณหภูมิสูงมากกว่า 120 องศาเซลเซียส ... ยิ่งอุณหภูมิสูง แล้วยิ่งใช้เวลานาน ปริมาณของอะคริลาไมด์ก็ยิ่งสูงขึ้น ไม่ว่าจะใช้วิธีการใดก็ตาม
3.3 ดังนั้น ในอาหารที่อบหรือทอดหลายชนิด เช่น มันฝรั่งเฟรนช์ฟรายส์ มันฝรั่งแผ่นทอดกรอบ และพวกบิสกิต ก็มีสารอะคริลาไมด์อยู่ในปริมาณค่อนข้างสูงอยู่แล้ว
3.4 การที่จะลดสารอะคริลาไมด์ลงนั้น ก็ทำได้โดยไม่ทอด (ไม่ว่าจะด้วยการทอดในน้ำมัน หรือจะใช้หม้อทอดไร้น้ำมันก็ตาม) หรืออบ หรือปิ้งย่างอาหาร ด้วยอุณหภูมิที่สูงเกินไปและใช้เวลานานเกินไป .. อาหารที่ออกมา ควรจะมีแค่สีเหลืองทองจางๆ ก็พอแล้ว
4. ส่วนข่าวที่เพิ่งออกมาใหม่นั้น มาจากหน่วยงานด้านคุ้มครองผู้บริโภคที่ชื่อว่า The Consumer Council ในฮ่องกง ซึ่งได้ทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยด้านไฟฟ้า ของหม้อทอดไร้น้ำมันที่จำหน่ายในฮ่องกง
4.1 ทาง Council รายงานผลว่า จาก 12 รุ่นที่นำมาทดสอบ (มีทั้งรุ่นถูกและรุ่นแพง ราคาตั้งแต่ $298 ถึง $2,080,) ตามมาตรฐานความปลอดภัยนานาชาติ international safety standard IEC 60335-1 และ 60335-2-9 รวมๆ แล้ว ทุกรุ่นก็ได้คะแนนรวมด้านความปลอดภัยพอๆ กัน คืออยู่ระหว่าง 3.5 ถึง 4.5 แต้ม
แต่ก็พบด้วยว่า มี 6 รุ่นนั้น ที่มีจุดที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้งาน ตั้งแต่บางส่วนของเครื่องมีอุณหภูมิสูงเกินไป มีระยะห่างของฉนวนกันความร้อนไม่เพียงพอ ต่อสายดินได้ไม่เหมาะสม รอยตำหนิต่างๆ คู่มือที่ไม่ดี ฯลฯ
4.2 ในเชิงการประกอบอาหารนั้น มีการทดลองทำอาหาร 3 อย่าง คือ มันฝรั่งเฟรนช์ฟราย (ชนิดแช่แข็ง) น่องไก่ทอด และปอเปี๊ยะทอด โดยทำตามคำแนะนำที่อยู่บนคู่มือของหม้อทอดแต่ละรุ่น ซึ่งประสิทธิภาพโดยรวมของทุกรุ่นนั้นคล้ายๆ กัน โดยมี 9 รุ่นจาก 12 รุ่นที่ได้คะแนน 3.5 แต้มขึ้นไป
4.3 แต่ผลการทอดเฟรนช์ฟรายนั้น เป็นการทดลองที่มีผลแตกต่างกันระหว่างยี่ห้อต่างๆมากที่สุด คือมีหม้อทอด 3 รุ่นที่ได้คะแนนดีมาก อยู่ระหว่าง 4.5 ถึง 5 แต้ม ขณะที่อีก 2 รุ่นได้คะแนนเพียงแค่ 2 แต้มเท่านั้นเนื่องจากทำออกมาแล้วไม่สุก และอีก 2 รุ่น ทอดออกมาได้สุกบ้างไม่สุกบ้าง ไม่ทั่วกันทั้งอัน
4.4 ส่วนการทดสอบเรื่องสารอะคริลาไมด์ที่เกิดขึ้นได้เมื่อทอดที่อุณหภูมิสูง ก็พบว่าให้ผลออกมาหลากหลาย คือพบสารตั้งแต่ระดับ 102 ไมโครกรัม/กิโลกรัม ไปจนถึง 7,038 ไมโครกรัม/กิโลกรัม โดยมีหม้ออยู่ 6 รุ่นที่มีค่าสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานของสหภาพยุโรปหรืออียู (500 ไมโครกรัม/กิโลกรัม).
แต่ถ้าเอาหม้อรุ่นที่ทำให้เกิดสารอะคริลาไมด์สูงสุด มาทดสอบใหม่โดยการลดช่วงเวลาในการทอดหรือลดอุณหภูมิลง พบว่าปริมาณอะคริลาไมด์ลดลงมาอยู่ในช่วงที่อียูกำหนดไว้ แสดงว่า ไม่ควรใช้ทอดอาหารที่อุณหภูมิสูง
4.5 ทาง Councilได้แนะนำโดยภาพรวมไว้ว่า เวลาเลือกซื้อเลือกใช้หม้อทอดไร้นำมันนั้น ควรทำดังต่อไปนี้
- หม้อทอดไร้น้ำมัน มักจะใช้ไฟฟ้าเป็นปริมาณมาก จึงไม่ควรใช้ปลั๊กไฟร่วมกับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดอื่นๆ เพื่อความปลอดภัยจากไฟฟ้าช็อต
- ปริมาณอาหารที่จะใช้ทอดนั้น ต้องไม่มากเกินไปกว่าค่าที่ระบุไว้ที่เครื่อง และต้องไม่จัดวางอาหารให้แน่นจนเกินไป เพราะจะทำให้อาหารไม่สุกได้
- อย่าปิดช่องระบายอากาศออก ระหว่างที่ใช้เครื่อง เพื่อหลีกเลี่ยงการกีดขวางการระบายความร้อน นอกจากนี้ ยังไม่ควรจะไปแตะต้องเครื่องระหว่างที่ทำงาน และไม่ให้เด็กจับต้องหรือใช้เครื่องพวกนี้โดยลำพัง
- ถอดปลั๊กหม้อทอดออกหลังจากใช้เสร็จแล้ว และรอให้เครื่องเย็นเสียก่อน ก่อนจะทำความสะอาด และนอกจากการล้างตะกร้าที่ใช้ทอดอาหาร ให้ใช้ผ้านุ่มเช็ดที่ส่วนให้ความร้อนและผิวสัมผัสด้านในเบาๆเ พื่อกำจัดคราบน้ำมันที่เหลืออยู่
-------
สรุปสั้นๆ อีกครั้งคือ หม้อทอดไร้น้ำมัน (จริงๆ มันใส่น้ำมันไปหน่อยนึง) นั้นมีส่วนดีในการช่วยลดปริมาณการบริโภคไขมัน จากการผัดทอดอาหารตามปรกติได้ และก็ให้สารพิษออกมาน้อยกว่าด้วย ... แต่อย่าตั้งเครื่องให้ใช้อุณหภูมิสูงหรือนานเกินไปในการทอด โดยเฉพาะพวกมันฝรั่ง ซึ่งอาจยังคงให้สารอะคริลาไมด์ออกมา (เหมือนกับการทอดด้วยน้ำมันโดยตรง)