โควิดระบาดหนัก  "มาเลเซีย" ประกาศภาวะฉุกเฉิน

 

"มาเลเซีย" ต้าน "โควิด-19" ไม่อยู่ ประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศแล้ว พร้อมเตรียมเลื่อนการเลือกตั้งออกไปอย่างไม่มีกำหนด หลังยอดผู้ป่วย "โควิด-19" พุ่งสูงขึ้นจนน่าตกใจ

 

12 ม.ค.64 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สำนักพระราชวังของมาเลเซีย เผยแพร่แถลงการณ์ เมื่อวันอังคารว่า  สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านอับดุลเลาะห์  อาหมัด ชาห์แห่งมาเลเซีย  ทรงลงพระปรมาภิไธย

ในเอกสารสำคัญ ซึ่งนายกรัฐมนตรีมูห์ยิดดิน ยาสซิน ได้ทูลเกล้าฯถวาย ในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร เพื่อเป็นการยกระดับมาตรการสกัดกั้นวิกฤติโรคระบาดโควิด-19 โดยจะมีผลตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 1 ส.ค. 2564 

ทั้งนี้ สำนักพระราชวังมาเลเซีย ยังได้ออกแถลงการณ์ในวันนี้ว่า "สมเด็จพระราชาธิบดีทรงมีพระบรมราชานุญาตให้ประกาศภาวะฉุกเฉินในช่วงเวลาที่รัฐบาลมาเลเซีย ต้องรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19" แถลงการณ์ยังระบุว่า  ภาวะฉุกเฉินดังกล่าวจะดำเนินไปจนถึงวันที่ 1 ส.ค.หรือเร็วกว่านั้น โดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

โควิดระบาดหนัก  "มาเลเซีย" ประกาศภาวะฉุกเฉิน

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาพรรค UMNO ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของมาเลเซียกำลังถกเถียงกันว่าควรจะยกเลิกหรือควรจัดการเลือกตั้งภายในเดือนมี.ค.นี้ โดยคาดว่าพรรค UMNO จะทำการตัดสินใจในเรื่องดังกล่าวในระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่ในวันที่ 31 ม.ค.นี้ 

สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด- 19 ประเทศมาเลเซีย มียอดผู้ป่วยสะสมมากกว่า 138,000 ราย โดยในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมานั้นประเทศมาเลเซียได้ทุบสถิติยอดผู้ป่วยต่อวันมากที่สุด ด้วยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 3,000 พันราย นอกจากนี้ทางการยังยืนว่ามีการตรวจพบผู้ป่วยโควิดกลายพันธุ์อีกด้วย

 ข้อมูลจาก https://www.komchadluek.net/news/crime/454912?adz=

หมอมนูญเผยไวรัสโควิด-19 โอมิครอน BA.5 แซงหน้าเชื้อไวรัสทุกชนิดในโลกในด้านการแพร่กระจาย

นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ได้เผยข้อมูลเกี่ยวกับโรคโควิด-19 โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.5 โดยรายละเอียดดังนี้

เชื้อไวรัสโควิดโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.5 สามารถแพร่ได้เร็วกว่าไวรัสโควิดสายพันธุ์เดิมทุกสายพันธุ์ และเชื้อไวรัสโรคอื่น ๆ ทุกชนิดในโลก

ด้วยการเปรียบเทียบค่า R0 คนติดเชื้อ 1 คนแพร่เชื้อต่อให้คนอื่นกี่คน 

โควิดโอมิครอน BA.5 แพร่ได้เร็วกว่าไวรัสทุกชนิดในโลก
  • คนติดเชื้อเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์อู่ฮั่น 1 คนแพร่เชื้อต่อให้อีก 3.3 คน
  • คนติดเชื้อเชื่อไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้า 1 คนแพร่เชื้อต่อให้อีก 5.1 คน
  • คนติดเชื้อเชื้อไวรัสโควิดโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.1 หนึ่งคนแพร่เชื้อต่อให้อีก 9.5 คน
  • คนติดเชื้อเชื้อไวรัสโควิดโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.5 หนึ่งคนแพร่เชื้อต่อให้อีก 18.6 คน

ในขณะที่คนติดเชื้อไวรัสอีสุกอีใส 1 คนแพร่เชื้อต่อให้อีก 12 คน

และคนติดเชื้อไวรัสหัด 1 คนแพร่เชื้อต่อให้อีก 18 คน

ไวรัสโควิดโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.5 ในขณะนี้แซงหน้าเชื้อไวรัสทุกชนิดในโลกในด้านการแพร่กระจาย ในอนาคตเชื้อไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยตัวใหม่เช่น BA.2.75 ที่เพิ่งพบในประเทศอินเดีย อาจจะแพร่ได้เร็วยิ่งกว่าสายพันธุ์ย่อย BA.5 ไม่มีใครคาดเดาได้ ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป

ช่วงนี้ขอให้ประชาชนคนไทยทุกคนระมัดระวังตัวมากขึ้น โรคระบาดใหญ่ของโควิดยังไม่จบ เพราะเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ย่อย BA.5 แพร่กระจายได้เร็วมาก ติดต่อกันง่ายที่สุด แต่โชคยังดีที่ไม่รุนแรงเพิ่มขึ้น ด้วยการใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือต่อไป และรีบไปรับวัคซีนป้องกันโรคโควิดเข็มกระตุ้นให้ครบทุกคน

ข้อมูลจาก https://www.pptvhd36.com/health/news/1227?utm_source=line&utm_medium=linetoday_original&utm_campaign=news_1227

 

วันที่ 10 ก.ย. 2563 หัวหน้าทีมกฎหมายของ Sinopharm Group Co., Ltd 国药集团 บริษัทยาชั้นนำของจีน    ที่อยู่ในขั้นการทดลองทางคลินิก(Clinical Trial)ในจีนมีอยู่ 3 สูตรด้วยกัน ซึ่ง 2 ใน 3 เป็นสูตรยาของทาง Sinopharm โดยได้มีการเร่งฉีดวัคซีนดังกล่าวให้แก่กลุ่มตัวอย่างไปแล้วกว่า 100,000 ราย

ซึ่งจากการติดตามผล ไม่มีรายงานผลข้างเคียง รวมถึงไม่ได้รับรายงานว่าผู้ที่ฉีดไปแล้วมีการติดเชื้อ Covid19 แม้ผู้ได้รับการฉีดไปอยู่ในพื้นที่สุ่มเสี่ยงสูง(ในต่างแดน) โดยวัคซีนดังกล่าวของ Sinopharm Group ถือเป็นวัคซีน Covid19 ตัวที่ฉีดให้มนุษย์มากที่สุดในโลก ณ ตอนนี้ และกำลังอยู่ในขั้นทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 ที่ต่างประเทศ

ทั้งนี้ กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับฉีดวัคซีนกว่า 100,000 รายนี้ มีกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงราว 10,000 รายที่เป็นผู้มีโอกาสสัมผัสเชื้อไวรัสโดยตรง ได้แก่ บุคลากรแพทย์ในจีนและต่างแดน เจ้าหน้าที่ทางการทูตรวมทั้ง Expat ในต่างแดน รวมถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐในโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน One Belt One Road ตามประเทศต่างๆ ซึ่งก็มีการฉีดวัคซีนแก่กลุ่มเสี่ยงสูงมาหลายเดือนแล้ว(ในข่าวไม่ระบุชัดกี่เดือน)

โดยหลังจากฉีดวัคซีนจะมีการติตดามผลกลุ่มตัวอย่างอย่างใกล้ชิด พบว่า กลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ที่มีการฉีดวัคซีนไม่มีการพบว่าติดเชื้อ Covid19 ขณะที่กลุ่มเสี่ยงที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนมีการพบว่าติดเชื้อจากพื้นที่ โดยผลการศึกษาเปรียบเทียบในหลายๆประเทศต่างให้ผลที่ตรงกัน ...แม้ว่ากลุ่มเสี่ยงที่ฉีดวัคซีนแล้วจะอยู่ในพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อหลักแสนคนขึ้นไป ก็ไม่มีการพบว่าติดเชื้อแต่อย่างใด นี่จึงเป็นข้อพิสูจน์ว่า วัคซีน Covid19 ของจีนใช้ได้ผลจริง

ด้านรองประธาน Sinopharm Group จางอวิ๋นเทา 张云涛 ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า วัคซีน Covid19 ที่ผลิตจากการทำ Clinical Trial ทั้งระยะ 1 และ 2 ส่งเสริมให้ผุ้ที่ได้รับวัคซีนสร้างแอนติบอดีที่เป็นกลาง (Neutralizing Antibody) ซึ่งถือว่าเป็นมาตรฐานที่สูงในวงการการแพทย์สากล ซึ่งทางทีม Sinopharm Group ก็จะเก็บข้อมูลและสังเกตการณ์ในการทำ Clinical Trial ระยะที่ 3 จากกลุ่มตัวอย่างในต่างประเทศต่อไป

**อย่างไรก็ดี ณ ขณะนี้มีการคาดการณ์ว่า วัคซีน Covid19 (ไม่ว่าจะสูตรของประเทศไหน)เป็นที่ต้องการทั่วโลกขั้นต่ำที่ราว 500 ล้านหลอด

เพิ่มเติม : Sinopharm Group Co. , Ltd. เป็น บริษัทผลิตยาชั้นนำของจีน โดยบริษัทแม่ของ Sinopharm Group คือ Sinopharm Industrial Investment ซึ่งเป็น บริษัทร่วมทุน 51-49 ระหว่างรัฐวิสาหกิจ China National Pharmaceutical Group และ Fosun Pharmaceutical ซึ่งเป็นกิจการพลเรือน

แปลและเรียบเรียงจาก weibo 澎湃新闻 The Paper News
https://m.weibo.cn/5044281310/4547871251106043

 
สถานการณ์โควิดไทยยังทรงตัว วันนี้รายงาน 5.3 พันราย ต่ำกว่าหมื่นรายมา 20 วัน เหลือรักษา 5.8 หมื่นราย ดับ 37 ราย กทม.ติดเชื้อลดเหลือ 1.8 พันราย 10 จังหวัดยังติดเชื้อต่ำกว่าหลักสิบ "ลำปาง-ลำพูน" ยังรายงาน 0 ราย หลังเปิดเทอมเด็กประถมทยอยฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น เข็มแรกได้ 56.6% เข็มสองเพิ่มขึ้นเป็น 25.8%

เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์โควิด 19 ประจำวัน ว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้รายงาน 5,377 ราย ต่ำกว่าหมื่นรายต่อเนื่อง 20 วัน ติดเชื้อสะสม 4,406,755 ราย หายป่วย 5,775 ราย สะสม 4,318,565 ราย เสียชีวิต 37 ราย สะสม 29,715 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 58,475 ราย อยู่ รพ.สนาม HI CI 36,946 ราย และอยู่ใน รพ. 21,529 ราย จำนวนนี้มีผู้ป่วยอาการหนัก 1,018 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 493 ราย อัตราครองเตียงระดับ 2-3 หรือสีเหลืองสีแดงอยู่ที่ 14.4% สำหรับการติดเชื้อมาจากเรือนจำพบ 14 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 2 ราย มาจากเกาหลีใต้และออสเตรเลีย

ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิต 37 ราย มาจาก 23 จังหวัด โดย กทม.เสียชีวิตสูงสุด 4 ราย , อุบลราชธานี นครศรีธรรมราช จังหวัดละ 3 ราย , ร้อยเอ็ด สุรินทร์ เชียงใหม่ ราชบุรี อุทัยธานี พระนครศรีอยุธยา ระยอง จังหวัดละ 2 ราย และสมุทรปราการ ปทุมธานี เลย นครราชสีมา หนองบัวลำภู ศรีสะเกษ นครพนม กำแพงเพชร สงขลา ฉะเชิงเทรา ตราด สระแก้ว และสระบุรี จังหวัดละ 1 ราย โดยผู้เสียชีวิตเป็นชาย 23 ราย หญิง 14 ราย อายุ 18 - 99 ปี อายุเฉลี่ย 76 ปี โดยเป็นผู้สูงอายุและโรคประจำตัวรวม 100%

 
สำหรับ 10 จังหวัดที่มีรายงานติดเชื้อรายใหม่สูงสุดคือ 1.กทม. 1,898 ราย 2.สุรินทร์ 164 ราย 3.บุรีรัมย์ 159 ราย 4.ขอนแก่น 152 ราย 5.สมุทรปราการ 117 ราย 6.อุบลราชธานี 106 ราย 7.ชลบุรี 105 ราย 8.กาฬสินธุ์ 105 ราย 9.ร้อยเอ็ด 95 ราย และ 10.นครศรีธรรมราช 89 ราย

ส่วนจังหวัดที่ติดเชื้อไม่ถึง 100 ราย มี 67 จังหวัด จำนวนนี้เป็นจังหวัดที่ติดเชื้อน้อยกว่า 10 ราย มี 10 จังหวัด ได้แก่ แพร่ 9 ราย , ระนอง 9 ราย , อุตรดิตถ์ 8 ราย , ยะลา 7 ราย , กระบี่ 5 ราย , แม่ฮ่องสอน 5 ราย , เชียงราย 4 ราย , ปัตตานี 2 ราย , พังงา 2 ราย และสตูล 2 ราย ส่วนจังหวัดรายงานเป็น 0 มี 2 จังหวัด คือ ลำปาง และ ลำพูน

ส่วนการฉีดวัคซีนโควิด 19 เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2565 จำนวน 201,748 โดส สะสม 136,265,374 โดส เป็นเข็มแรก 56,585,202 ราย คิดเป็น 81.4% เข็มสอง 52,191,352 ราย คิดเป็น 75% และเข็ม 3 ขึ้นไป 27,488,820 ราย คิดเป็น 39.5% ภาพรวมผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ฉีดเข็ม 3 แล้ว 43.2% ส่วนเด็กอายุ 5-11 ปี ฉีดเข็มแรกแล้ว 2.91 ล้านคน คิดเป็น 56.6% และเข็มสอง 1.32 ล้านคน คิดเป็น 25.8% แนวโน้มการฉีดวัคซีนหลังเปิดเทอมเริ่มเพิ่มขึ้น
 

 

  1. สมมุติว่าเป็นเวลา 19.25 น. คุณกำลังกลับบ้านตามลำพังคนเดียวหลังจากทำงานหนักเป็นพิเศษมาแล้วทั้งวัน
  2. คุณอ่อนล้า อารมณ์ก็ไม่ดี
  3. คุณรู้สึกปวดอย่างรุนแรงขึ้นมาอย่างเฉียบพลัน เริ่มที่น่าอก ลามลงไปที่แขน แล้วย้อนกลับขึ้นไปที่ขากรรไกร คุณอยู่ห่างจากโรงพยาบาลใกล้บ้านที่สุดประมาณ 5 ก.ม.
  4. โชคร้ายที่คุณไม่รู้ว่าจะไปถึงหรือไม่
  5. คุณผ่านการฝึกให้เป็นนักปั้มหัวใจกู้ชีพ (CPR) แต่ครูไม่ได้สอนวิธีทำกับตัวเอง
  6. คุณจะเอาชีวิตรอดได้อย่างไรถ้าอยู่คนเดียว เนื่องจากมีคนจำนวนมากที่เผชิญภาวะหัวใจล้มเหลวขณะที่อยู่ตามลำพังโดยไม่มีคนช่วย คนที่หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะและเริ่มรู้สึกจะเป็นลมมีเวลาเพียง 10 วินาทีเท่านั้นก่อนที่จะหมดสติ
  7. อย่างไรก็ตาม ผู้ตกเป็นเหยื่ออาการดังกล่าวสามารถช่วยตัวเองได้โดยไอแรงๆและถี่ๆ ก่อนไอให้หายใจเข้ายาวๆ ลึกๆ แบบเดียวกับเวลาจะขากเสมหะหรือเสลด การหายใจเข้าแรงๆ สลับขากเสมหะต้องทำอย่างต่อเนื่องทุกสองวินาทีจนกว่าจะมีคนมาช่วยหรือเมื่อรู้สึกว่าหัวใจเต้นเป็นปกติ
  8. การหายใจเข้าแรงและลึกทำให้อ็อกซิเจนเข้าไปในปอด อาการไอบีบหัวใจและช่วยกระตุ้นระบบหมุนเวียนของโลหิต การนวดห้วใจช่วยให้จังหวะเต้นของหัวใจเป็นปกติเพื่อผู้ป่วยจะได้ไปถึงโรงพยาบาลทันท่วงที
  9. โปรดบอกต่อให้ทราบทั่วกัน คุณอาจช่วยชีวิตพวกเขาได้
  10. แพทย์โรคหัวใจบอกว่า ใครก็ตามที่ได้รับเมล์นี้ โปรดส่งต่อให้เพื่อน 10 คน รับรองได้ว่าคุณจะช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ได้อย่างน้อย 1 ชีวิต
  11. แทนที่จะส่งเรื่องขำขัน... โปรดส่งข้อมูลนี้ซึ่งสามารถช่วยชีวิตคนได้
  12. ถ้าข้อมูลนี้มาถึงคุณมากกว่า 1 ครั้ง โปรดอย่าเสียอารมณ์... คุณควรมีความสุขที่คุณมีเพื่อนผู้หวังดีที่คอยพร่ำเตือนคุณว่าต้องทำอย่างไรถ้าหัวใจเกิดล้มเหลว

เพื่อนๆช่วยกันหน่อยรู้แล้วก็ช่วยแชร์ต่อ เราสามารถช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ได้เป็นกุศล ตาแฉะขอร้อง !!!

หมวดหมู่รอง

สาระน่ารู้

บทความวิชาการ