Font Size

Covid-19: บทสรุป 2 ปี 4 Waves ใน อังกฤษ ยุโรป อเมริกา อิสราเอล ข่าวดีของวัคซีนฝรั่ง ข่าวร้ายของคนที่ต่อต้านการฉีดวัคซีน และมองไทยไปข้างหน้า Wave#5 ที่เราเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเจอ แต่จะเจอแบบไหน

หลังจากการระบาดมาหลาย Wave และปิดท้ายด้วย Wave ขนาดใหญ่ของ Delta ในอังกฤษ ยุโรป อเมริกา และอิสราเอล ซึ่งผ่านมาพักใหญ่ทำให้เราได้ข้อมูลสำคัญหลายอย่างเกี่ยวกับความสามารถของวัคซีนในภาวะการระบาดใหญ่ที่เนื่องจากการเปิดเศรษฐกิจเต็มที่ ซึ่งผมทำสรุปมาเป็นตารางให้ตามรูป

จากตัวเลข ผมคิดว่าเรามีข่าวดีหลายประการ รวมทั้งข่าวร้ายด้วยครับ

ข่าวดี:
1. วัคซีนฝรั่ง AZ, Moderna, Pfizer ประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาดในภาวะเปิดเมือง ที่ระดับการฉีด Fully Vaccinated 70% โดยเกิด Wave ขนาดใหญ่ขึ้นจริง แต่อัตราการติดเชื้อใหม่เข้าสู่ Saturation ไม่ไปต่อแบบ Exponential โดยไม่ต้อง Lockdown เช่นใน UK การระบาดอิ่มตัวที่ 30,000 เคสต่อวัน และชีวิตเดินหน้าต่อได้
2. อัตราการเสียชีวิตใน ยุโรป อเมริกา อิสราเอล โดยเฉลี่ยลดลงอย่างมากเมื่อมีวัคซีน สถิติโดยเฉลี่ยของแต่ละ Wave
- Wave#1 อัตราการเสียชีวิต 9.97%
- Wave#2 อัตราการเสียชีวิต 1.78%
- Wave#3 อัตราการเสียชีวิต 1.53%
- Wave#4 อัตราการเสียชีวิต 0.48% หรือลดลงเหลือ 1 ใน 3 ของ Wave ก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากวัคซีน
3. ขนาดของ Wave Delta ภายใต้วัคซีนมีแนวโน้มเล็กลงกว่า Wave ก่อนหน้าโดยสามารถเปิดเมืองได้ค่อนข้างเต็มที่ แนวโน้มขนาด Amplitude ของ Wave ลดเหลือประมาณ 1 ใน 2 ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตเฉลี่ยรายวันลดลงเหลือประมาณ 1 ใน 6 เมื่อเทียบกับ Wave ก่อนหน้า ทั้งที่จริงๆแล้ว Wave ก่อนเป็นของสายพันธุ์เก่าที่ไม่เก่งเท่า Delta ด้วย
4. การติดเชื้อและเสียชีวิตใน Wave ล่าสุดจำนวนมากกว่า 90% เกิดในผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน จากงานศึกษาใน USA "Almost all (more than 9 in 10) COVID-19 cases, hospitalizations, and deaths have occurred among people who are unvaccinated or not yet fully vaccinated"
5. อัตราการเสียชีวิตในผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว ตัวเลขยังไม่ชัดเจน แต่มีความหวังว่าแนวโน้มอาจต่ำกว่าระดับ 0.1% ซึ่งก็คือระดับเดียวกับไข้หวัดใหญ่ทั่วไป
6. ข่าวดีของเด็กๆ UAE เพิ่งอนุมัติ Sinopharm สำหรับเด็ก 3-17 ปี และใน USA Pfizer กำลังจะยื่นขออนุมัติการใช้ในเด็ก 6 เดือน ถึง 5 ปี พ.ย.นี้
7. ประเทศไทยเรา เปลี่ยนแผนมาใช้วันซีน AZ, Moderna, Pfizer เป็นหลักในการต่อสู้ให้จบสงครามนี้แล้ว และ Sinopharm สำหรับเด็กก็อยู่ในแผน

ข่าวร้าย:
1. ไม่มี Herd Immunity เกิดขึ้นจากวัคซีน และจะไม่มีทางเป็นไปได้ด้วย วัคซีนใน Generation นี้
2. ผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน จะไม่ได้รับการคุ้มครอง จะเกิดการระบาดใหญ่ในกลุ่มนี้ และอัตราการตายยังสูงมากเมื่อเทียบกับไข้หวัดใหญ่
3. โควิด 2 นครา การใช้ชีวิตบนโลกจะแบ่งแยกเป็น 2 แบบที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงคือ ผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว และผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน อัตราการตายจะต่างกันนับสิบๆเท่า
4. ผู้คนจะต้องเลือกที่จะเผชิญระหว่าง 3 สิ่งที่เลี่ยงได้ยากคือ หนึ่งฉีดวัคซีน สองติดโควิดซ้ำซาก สามอยู่ในถ้ำกักตัวไปจนกว่าจะ Zero Covid ซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นภายใน 2 ปีข้างหน้า

มองประเทศไทยไปข้างหน้า Wave#5 จะหน้าตาแบบไหน:
รัฐบาลไม่มีเงินเหลือแล้ว การเปิดเศรษฐกิจเต็มที่ในช่วงเดือน พ.ย. ธ.ค. เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ และนั่นหมายถึงว่า Wave#5 ของ Delta จะต้องเกิดขึ้น แต่จะเกิดขึ้่นในแบบที่เราจะมีการฉีดวัคซีนไปมากแล้ว และการ Lockdown ก็จะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว Wave ที่จะถึงนี้จึงจะมีความแตกต่างจาก Wave ก่อนๆที่เราเคยเจอมา โดยสิ้นเชิง

ตัวเลขของประเทศที่เราควรมองและอาจเป็นส่วนหนึ่งของภาพอนาคตของเราคือ UK ซึ่งประชากรเท่าๆกัน และอัตราการฉีดวัคซีนของเราในช่วง พ.ย. ธ.ค. อาจใกล้เคียงกับ UK ในช่วงการระบาดที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้

ความเป็นไปได้ ใครเสี่ยง ใครรอด:
1. ขนาดของ Wave "ถ้าโชดดี" เหลือครึ่งหนึ่งที่ระดับ 800,000 ในระยะยาวนาน 3-4 เดือน ผู้ติดเชื้อรายวันระดับไม่เกิน 10,000 เสียชีวิตรายวันไม่เกิน 50 คน
2. "ถ้าโชคร้าย" ขนาดของ Wave ไปตัวเลข UK ผู้ติดเชื้อรายวันระดับ 30,000 คนต่อวัน อัตราการตายระดับ 100 - 200 คนต่อวัน ยาวนานต่อเนื่องหลายเดือน หรืออาจเป็นปี
3. ผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่จะคือคนที่ไม่ได้รับวัคซีน หรือ ได้รับวัคซีนมานานมากจนเสื่อมประสิทธิภาพแล้ว โดยเฉพาะกลุ่ม SV 2 เข็ม ส่วนกลุ่ม Pfizer 2 เข็ม, AZ 2 เข็ม, Moderna 2 เข็ม, SV 2 เข็ม + Booster น่าจะปลอดภัย ส่วนสูตรที่เหลือ เวลาจะพิสูจน์ให้เราทราบครับ ตอนนี้ไม่มีข้อมูลเทียบเคียง
4. การติดเชื้อในเด็กจะมากมาย จากการเปิดเทอม แม้อัตราการเสียชีวิตอาจจะไม่สูง แต่ภาวะ Long Covid ยังน่ากังวล
5. การ Lockdown จะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว ทุกรัฐบาลหลังชนฝา เดินหน้าตายเป็นตาย เวลา 2 ปีคือขีดสุดของการ Compromise เศรษฐกิจ นานกว่านี้เสี่ยงเกินไปกับหายนะความมั่นคงของรัฐ รวมทั้งความเสี่ยงในการเกิดความขัดแย้งระดับ Civil War ที่อาจ Trigger จากปัญหาเศรษฐกิจ

ปัญหาใหญ่ของฝรั่งที่มีวัคซีนดีในมือและล้นมือแต่จบไม่ค่อยสวย คือคน Anti Vaccine เยอะมาก ตัวเลข Fully Vaccinated เริ่มอิ่มตัวที่ 70% แต่สำหรับประเทศไทย คนไทย ผมเชื่อว่าเราจะพร้อมใจกันไปฉีดวัคซีนมากกว่านั้นมาก อาจถึง 90% ถ้าเราฉีดวัคซีนได้วันละ 1 ล้านคนนับจากนี้ และวัคซีนสำหรับเด็กและเยาวชนมาถึง รวมทั้งวินัยการควบคุมโรคและการรักษาของเราที่ดีกว่า และเดือนต.ค.เราไม่เร่งร้อนผ่อนผันมาตรการกันมากเกินไป น่าจะยังมีความเป็นไปได้สูง ที่ช่วงเดือน พ.ย. ธ.ค. ปลายปีนี้จะเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับทุกคนครับ ช่วยกันครับ ใกล้จบแล้ว เราสามารถจบมันได้อย่างเด็ดขาด ถึงแม้ว่าอาจจะไม่สบบูรณ์แบบก็ตามครับ

แหล่งข้อมูล: Worldometer, Bloomberg, kff.org
#Sunt Sianthamrong