Font Size

    reproduction tech

         ปกติสตรีแต่ละคนจะผลิตไข่ประมาณ 1 – 2 ล้านใบตลอดชีวิต ไข่ของคนเป็นเซลล์เดี่ยวขนาดเล็ก เท่าปลายเข็มหมุด คุณภาพ และ ประสิทธิภาพการเจริญพันธุ์ของไข่ จะลดลงตามอายุของเจ้าของที่เพิ่มขึ้น เป็นที่รับรู้กันว่า หญิงที่มีอายุเกิน 40 ปี มีความเสี่ยงสูงต่อการมีบุตร ที่อาจมีความผิดปกติของพันธุกรรม หรือ มีปัญหาผิดปกติในการเกิดของเด็ก ปัจจุบันเทคโนโลยีการแช่แข็งไข่ที่อุณหภูมิต่ำมาก (freezing eggs) มีความก้าวหน้ามากขึ้น จนมั่นใจได้ว่าจะสามารถรักษาคุณภาพ และ ประสิทธิภาพของไข่ ให้คงสภาพได้นานเท่าที่ต้องการ ทำให้สตรีที่ยังไม่ประสงค์จะมีบุตรสามารถเลือกที่จะแช่แข็งไข่ เอาไว้เมื่ออายุยังน้อยเก็บไว้จนกว่าจะพร้อมที่จะมีบุตร จึงนำไปผสมกับสเปิร์ม ก่อนนำกลับไปในมดลูกต่อไป เทคโนโลยีนี้ทำให้สตรีที่กำลังประสบความสำเร็จขณะอายุยังน้อย สามารถเลื่อนการมีบุตรออกไปจนกว่าตัวเองจะมีความพร้อม อัตราค่าแช่แข็งไข่ ในสหรัฐอเมริกา ประมาณ US$ 10,000 – 15,000 โดยมีค่าดูแลรักษาปีละ US$ 500 – 1,000 โดยขั้นตอนโดยทั่วไปเป็นดังนี้

  1. ฉีดฮอร์โมน เพื่อกระตุ้นให้ไข่ตกทุกวันติดต่อกัน 2 สัปดาห์
  2. แพทย์จะสอดเครื่องมือเข้าไปเก็บไข่ในรังไข่จำนวนครั้งละ 5 – 25 ใบ
  3. ไข่จะถูกนำมาแช่แข็งอย่างเร็วตามกระบวนการ โดยจะสามารถเก็บไว้นานจนกว่าต้องการจะนำมาใช้
  4. เมื่อต้องการมีบุตร ไข่จะถูกนำมาทำให้น้ำแข็งละลาย ซึ่งไข่จะมีโอกาสรอดประมาณ 75 – 80%
  5. แพทย์จะนำสเปิร์มมาผสมกับไข่ในหลอดแก้ว ก่อนนำไปฝังตัวในมดลูกของแม่ และ ทดสอบการเจริญพันธุ์ จนกว่าจะพบว่ามีการตั้งครรภ์
  6. อย่างไรก็ตามข้อมูลของปี 2012 และ 2013 พบว่า โอกาสที่จะสำเร็จจนกระทั่งเกิดเด็กขึ้น มีเพียง 24%

       ข้อมูลที่ต้องเข้าใจ คือ ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า ไข่ที่ถูกแช่แข็งจะคงสภาวะปกติอยู่ได้โดยไม่จำกัดระยะเวลา และ ถ้ารอจนอายุ 40 ปี ขณะที่มีความเสี่ยงสูงที่จะมีลูก ตามธรรมชาติที่มีพันธุกรรมผิดปกติแล้ว การนำที่แช่แข็งมาผสมในหลอดแก้วก็มีความเสี่ยงต่อความไม่สำเร็จสูงด้วยเช่นกัน