Font Size
 
องค์การอนามัยโลก (WHO) จัดการประชุมฉุกเฉินวานนี้ (20 พ.ค.) เพื่อหารือมาตรการรับมือโรคฝีดาษลิง (monkeypox) ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสที่พบในแถบแอฟริกากลางและตะวันตก หลังมีรายงานพบผู้ป่วยในทวีปยุโรปแล้วไม่ต่ำกว่า 100 ราย

ทางการเยอรมนีระบุว่า นี่อาจเป็น "การระบาดครั้งใหญ่ที่สุด” ของฝีดาษลิงในยุโรป โดยขณะนี้พบผู้ป่วยแล้วในอย่างน้อย 9 ประเทศ ได้แก่ เบลเยียม ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี เนเธอร์แลนด์ โปรตุเกส สเปน สวีเดน และสหราชอาณาจักร ส่วนที่ สหรัฐฯ แคนาดา และออสเตรเลีย ก็เริ่มพบผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ด้วยเช่นกัน

สเปนยืนยันพบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงเพิ่มขึ้น 24 รายในวันศุกร์ (20) โดยเฉพาะในเขตกรุงมาดริด ซึ่งทางการได้สั่งปิดห้องเซาน่า (sauna) แห่งหนึ่งที่พบว่าเชื่อมโยงกับเคสผู้ป่วยหลายราย

โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในอิสราเอลแจ้งว่ากำลังให้การรักษาชายวัย 30 ปีเศษ ซึ่งเริ่มแสดงอาการคล้ายกับโรคฝีดาษลิง หลังเดินทางกลับจากยุโรปตะวันตกได้ไม่กี่วัน

การพบผู้ป่วยฝีดาษลิงในกว่า 10 ประเทศคราวนี้ถือเป็นเรื่องน่ากังวล เนื่องจากไวรัสซึ่งพบเป็นครั้งแรกในลิงมักจะแพร่เชื้อในกลุ่มผู้สัมผัสใกล้ชิด และแทบไม่เคยมีการระบาดนอกทวีปแอฟริกามาก่อน

 
อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ยังเชื่อว่าโรคนี้จะไม่ลุกลามขยายวงกว้างจนกลายเป็นโรคระบาดใหญ่ (pandemic) แบบโควิด-19 เนื่องจากไวรัสตัวนี้ไม่ได้แพร่กระจายได้ง่ายเหมือน SARS-COV-2

ผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีอาการไข้ ปวดหัว และมีผื่นขึ้นตามลำตัว โดยเริ่มจากบริเวณใบหน้า ก่อนจะกระจายไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย ทว่าส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง

หน่วยแพทย์ทหารเยอรมนีซึ่งตรวจพบผู้ป่วยฝีดาษลิงรายแรกของประเทศเมื่อวานนี้ (20) ยอมรับว่า “นี่คือการระบาดครั้งใหญ่ที่สุดของฝีดาษลิงเท่าที่ยุโรปเคยเผชิญมา”

ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษลิง แต่มีข้อมูลจาก WHO ว่าวัคซีนที่ใช้ต่อต้านโรคฝีดาษ หรือไข้ทรพิษ (smallpox) ให้ผลในการป้องกันฝีดาษลิงได้สูงสุด 85%

ฮันส์ คลูจ ผู้อำนวยการ WHO ประจำภูมิภาคยุโรป ออกมาแถลงเตือนวานนี้ (20) ว่า จำนวนผู้ป่วยฝีดาษลิงอาจ “เพิ่มขึ้น” ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า และไวรัสมีแนวโน้มที่จะแพร่กระจายไปทั่วยุโรป

“เรากำลังก้าวเข้าสู่ฤดูร้อน ซึ่งมักจะมีการจัดกิจกรรมรวมคน เทศกาล และงานปาร์ตี้ต่างๆ ผมจึงเกรงว่าอัตราการแพร่เชื้ออาจจะเพิ่มสูงขึ้น” คลูจ กล่าว

WHO ตั้งข้อสังเกตว่า การระบาดของฝีดาษลิงครั้งนี้มีความผิดปกติอยู่ 3 ประการคือ 1) ผู้ป่วยเกือบทุกรายไม่มีประวัติเดินทางไปยังพื้นที่ซึ่งมีการระบาดของฝีดาษลิง 2) ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม “ชายรักชาย” ซึ่งเมื่อแสดงอาการป่วยจึงไปพบหมอที่คลินิกรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และ 3) การพบผู้ติดเชื้อในกว่า 10 ประเทศแสดงให้เห็นว่าโรคมีการแพร่กระจายมาสักระยะหนึ่งแล้ว

ที่มา : รอยเตอร์