Font Size

13 ก.ค.64 - นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง  "เผชิญโควิดระลอกใหม่ด้วย “ความคิดใหม่”" ผ่านเว็บไซต์ www.thaipost.net มีเนื้อหาดังนี้                                                                        

ความคิดใหม่ ที่ ๑ : เราต้องรู้จักอยู่กับโควิด

ถาม    อะไรคือความคิดเก่า?

ตอบ    ต้องทำยอดผู้ติดเชื้อให้เป็นศูนย์ ใครติดเชื้อต้องทุ่มเทหาตัวมากักกันให้หมดรวมทั้งกลุ่มเสี่ยงด้วย  พบเชื้อแล้วต้องอยู่โรงพยาบาล โรงพยาบาลที่ตรวจพบต้องรับรักษาเสมอ  ผู้ติดเชื้อจะอยู่กับบ้านไม่ได้  วัคซีนต้องจัดหาและฉีดให้ราษฎรโดยรัฐเท่านั้น  รัฐเท่านั้นที่จะจัดการตรวจเชื้อ ฯ

ความคิดที่เห็นตนเองเป็นพ่อ ไม่ยอมให้ชาวบ้านเลือกอะไรได้เอง ทั้งวัคซีน ทั้งการตรวจ ทั้งการดูแลรักษาตนเอง จนปฏิเสธทั้งเสรีภาพชาวบ้านกับการทำงานของกลไกการตลาดทั้งหมดอย่างนี้  นี่แหละครับคือความคิดเก่า  ที่ทำให้ประชาชนต้องกลายเป็นเสมือนไก่ในเล้าปิดที่มีโรคระบาดเต็มเล้า   มีสัตว์แพทย์ คอยออกจอชี้แจงยอดติดเชื่อยอดตาย กับผู้จัดการเดินวนพูดนะจ๊ะๆๆ ไปวันๆเท่านั้น

ถาม    ความคิดใหม่เป็นอย่างไร?

ตอบ ความคิดเก่ามันฝืนทั้งความจริงและสิทธิพื้นฐาน     คุณเห็นไหม ในที่สุดรัฐก็ต้อง   ยอมขยายประตูนำเข้าวัคซีน ทั้งโดยภาคเอกชนและส่วนท้องถิ่น  รวมทั้งเครื่องมือตรวจเชื้อก็เริ่มขยายประคูแล้ว  

นี่คือทิศทางที่ถูก ผู้ติดเชื้อจะมีโอกาสตรวจตนเอง ดูแลตนเองได้  ถ้าไม่ไหวก็มีสถานที่แยกตัวชุมชนเป็นโรงเรียน เป็นวัดมาช่วยก็ได้    แต่ทิศทางนี้ ปัจจุบันก็ยังมีแรง  กีดกั้นจากความคิดเก่าๆอยู่อีกมาก

ในทางตะวันตกที่ประชาชนไม่ยอมเป็นไก่ เขาจะให้ชาวบ้านดูแลตนเองได้  การจัดหาและกระจายวัคซีนก็เปิดกว้างเข้าถึงง่ายกว่านี้   ตัวอย่างที่ชัดมากๆ ก็เช่นที่อเมริกา

ถาม    ก็คนป่วยล้นโรงพยาบาล ตายเป็นเบือแล้ว  เขาถึงยอมให้คนรักษาตัวอยู่กับบ้านได้ไม่ใช่หรือ

ตอบ    ไม่ใช่ครับ  เขาไม่ยอมกันแต่แรกโดยเห็นเป็นสิทธิพื้นฐานของประชาชนเลย  ชาวบ้านในเมืองเขา ตรวจเชื้อได้เร็ว ซื้อเครื่องตรวจจากร้านขายยาข้างบ้านก็ได้  พบเชื้อแล้วรัฐก็มีข่ายที่ปรึกษาและชุดยากับเครื่องมือดูแลตนเองให้  ไปไม่ไหวจริงๆจึงจะรับเข้านอนโรงพยาบาล

ถาม    เขาเถียงเรื่องชนิดวัคซีนกันเหมือนบ้านเราหรือไม่ 

ตอบ    ให้เสรีภาพแล้ว คุณก็รับผิดชอบตนเอง เลือกเองไปตามที่คุณเชื่อ แล้วจะมาเถียงอะไรกันอีกให้หนวกหู  จะฉีดหรือไม่ ยี่ห้ออะไร ฉีดกี่เข็ม ฉีดข้ามชนิดได้ไหม ก็เลือกเอาเอง   แต่ถ้าไม่ยอมฉีด ไม่ยอมตรวจ แล้วขึ้นเครื่องบินไม่ได้ ก็ไม่รู้นะ

ถาม    บ้านเราเอาตัวอย่างเขามาปรับใช้ได้บ้างไหม

ตอบ    ยอดผู้ติดเชื้อไม่ต้องประกาศ บอกยอดผู้ป่วยในโรงพยาบาลกับความคับขันเท่านั้นก็พอ จะได้ตื่นตัวดูแลตัวเองกันมากๆ  

มาตรการการดูแลตนเองหรือโดยชุมชนนั้นเราต้องสนับสนุน พร้อมชุดยาและเครื่องมือจากรัฐ

วัคซีนตัวไหน   เครื่องมือตรวจเชื้อด้วยตนเองแบบไหนที่โลกเขาใช้กันแล้ว  ต้องเอาเข้ามาได้โดยสะดวก  อย.ต้องลดบทบาทลงมาดูที่ข้อมูลและการโฆษณาเท่านั้น   ภาษีทุกชนิดที่เกี่ยวข้องต้องไม่เสีย พอไม่เสียแล้ว รัฐก็ประกาศเข้าคุมราคาไม่ให้ค้ากำไรเกินควรอีกที    

ถาม    ในทางกฎหมายทำได้หรือครับ

ตอบ    นี่คือภาวะฉุกเฉิน จะมัวคิดเป็นขุนนางหวงอำนาจ เฝ้าแต่ละเมียดอำนาจไม่ได้ นายกฯต้องออกกฎหมายพิเศษ ตราพระราชกำหนดออกมาเลย    จะไปรอ  หมอขุนนาง หรือหมอวิชาการเสนอทำไม    มันชัดเจนแล้วว่าเรื่องโควิดนี้ เราต้องคืนเสรีภาพให้ประชาชนดูแลตนเองได้  ทั้งโดยความเป็นจริงและหลักการ

“ความคิดเก่า” ไม่ควรมีที่อยู่อีกต่อไป

ถาม    จีนเขาก็ใช้ใช้ความคิดเก่า เอาโควิดอยู่หมัดเลยไม่ใช่หรือ

ตอบ    ระบบพรรคเดียวของเขามันถี่ถ้วนจนสร้างความรับผิดชอบของทุกฝ่ายได้  บ้านเราไม่มีโครงสร้างเช่นนั้น  อย่างบ้านเรานี้ ถ้าการนำไม่ดี  คิดไม่เป็น หาความรับผิดชอบไม่ได้  มันก็ไปไหนไม่เป็นเลย ไม่เห็นหรือ
อย่างเรื่องฉีดวัคซีนนี่  ที่ถูกแล้ว ต้องรับจดทะเบียนแสดงความประสงค์เป็นตำบลก่อน  พอรัฐได้วัคซีนในมือแล้วจึงติดต่อให้มาฉีดตามตำบล ตามเวลาที่นัดหมายอีกที  ไม่มีใครเขารับนัดกันทีเดียวทั้งประเทศเป็นสองสามเดือนอย่างนี้หรอกครับ  ระบบนี้มันจัดการความเสี่ยงไม่ได้หรอก

ถาม    เขาไม่เห็นหรือครับ ว่าระบบจองวัคซีนของ “หมอพร้อม”มันใช้ไม่ได้

ตอบ    มันเป็นเรื่องที่ต้องซักถามกันในสภาว่าทำไมต้องแทงม้าตัวเดียว แล้วให้จองทีเดียวแบบนั้น   ลึกๆแล้วคุณต้องการเร่งสร้างภาพทางการเมืองให้ชาวบ้านสบายใจว่าได้วัคซีนแล้ว  ใจเย็นได้แล้วๆว่า “วัคซีนกำลังจะหมุนไป” ใช่หรือไม่ 

คุณทำได้อย่างไร ทั้งๆที่เห็นความเสี่ยงอยู่เต็มหน้าอย่างนั้น  นี่ไม่ใช่เรื่องคอร์รัปชั่นครับ  แต่เป็นเรื่องความไว้วางใจให้กุมชีวิตของเรา

ความคิดใหม่ที่ ๒ : การบริหารใหม่

ถาม    ถ้า กระทรวงหรือหมอเก่าๆ คัดค้านทิศทาง ตามความคิดใหม่นี้ จะว่าอย่างไร

ตอบ    นายกฯต้องรู้ว่าตนคือผู้นำและผู้รับผิดชอบ  ที่จริงนั้น ศบค.ยุบเสียก็ได้   แล้วตั้งผู้ช่วยรัฐมนตรีพร้อมคณะที่ปรึกษาในเรื่องโควิดนี้โดยเฉพาะ   ทำงานเต็มเวลามีหน้าที่ขบคิดรวบรวมหาข้อมูล ความคิดจากฝ่ายต่างๆ มาสกัดเป็นทางเลือกทางนโยบาย ( Delivery Office )  ให้นายกฯตัดสินใจโดยอธิบายได้ให้ได้ เรื่องไหนสำคัญก็เข้า ครม.  ถ้ารัฐมนตรีสาธารณะสุขขวางคลอง นายกฯก็ปลดเลย   ไม่ใช่ไปรวบเอาอำนาจตามกฎหมายมาให้นายกฯสั่งการเองทั้งหมด  แต่ข้อมูลกับงานมันกลับอยู่ที่กระทรวงอย่างนี้ มันผิดหลักจริงๆ

ถาม    แล้ว นายกฯทุกวันนี้ ทำอะไรอยู่

ตอบ    ปัญหาอยู่ที่เขาไม่ยอมเป็น “ผู้นำ” ครับ  เขาให้ ศบค.เป็นผู้พิจารณาและพูดให้เขาฟังเป็นเรื่องๆตามแต่วิกฤตมันจะพาไป  งานการมันจึงตามหลังปัญหาตลอด   ศบค.เองก็ตัดสินโดยการประชุมเป็นครั้งคราวตามประเด็นปัญหาที่ปรากฎเท่านั้น  

ทำงานอย่างนี้ มันสร้างการตัดสินใจไปในอนาคตด้วยข้อมูลและทางเลือก ที่ครบถ้วนกลั่นกรองแล้วไม่ได้

ถาม    ทำไมการจัดหาวัคซีน ถึงเละตุ้มเป๊ะเช่นทุกวันนี้

ตอบ    นายกฯอังกฤษ ตั้ง “คณะทำงานจัดหาวัคซีน” ตั้งแต่ได้ข่าวอูฮั่นแล้ว เขาเลือกจากคนที่เหมาะสมโดยครบถ้วนจริงๆ หมอขุนนางจากกระทรวงมีที่นั่งแค่ ๑ ที่นั่ง   หมอวิชาการอาวุโสที่มั่นใจตนเองมาก แต่ความรู้น้อยไม่เท่าทันกับความก้าวหน้าในวงวิชาการที่เกี่ยวข้องเขาก็ไม่เอา  ผู้ใหญ่ภาคเอกชนที่มีประสบการณ์ในการหาแหล่งเวชภัณฑ์จากต่างประเทศ เขาก็เอาเข้ามานั่งด้วยจะได้ชี้ให้เห็นถึงการจัดการความเสี่ยง ไม่ใช่แทงม้าตัวเดียว แล้วเอาม้าขาเป๋มาทดแทนแบบบ้านเรา

ถาม    พูดมาถึงตรงนี้ก็หลายประเด็นมาก  แล้วใครเขาจะฟังที่อาจารย์พูด

ตอบ    ผมพูดกับ “ประชาชน”  

ถาม    แล้วไม่มีอะไรจะพูดกับนายกฯ เลยหรือครับ?

ตอบ    นายกฯเปรม  ท่านก็มาจากระบบเลือกตั้งครึ่งใบเหมือนกัน   แต่ท่านไม่มีอีโก้ และรู้ซึ้งถึงความรับผิดชอบว่าท่านต้องเป็นผู้นำ   ที่สำคัญท่านรู้จักใช้ความรู้ ท่านรู้ว่าท่านไม่รู้อะไรบ้าง รู้ว่าความรู้อะไรที่ต้องใช้ ความรู้นั้นอยู่ที่ไหน ใครคือคนที่ต้องพึ่งพาให้มาช่วยบ้านเมือง แต่นายกฯปัจจุบัน ไม่ใช่คนอย่างนั้น  และอุปนิสัยที่ฝังลึกอย่างนี้ มันเปลี่ยนกันไม่ได้ด้วย   เป็นเรื่องส่วนบุคคลคุณอย่าไปเหมารวมว่าทหารใช้ไม่ได้    

ถาม    ท่านนายกฯเปรมไม่พูด “นะจ๊ะ” ด้วยนะครับ

ตอบ    นายกฯจะพูดจ้ะพูดจ๋าก็ไม่เป็นไร ถ้อยคำมันไมใช่ปัญหา  แต่ท่าทีและพฤติการณ์ที่แสดงจนรู้ได้ว่าไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับความทุกข์ยากของประชาชนเลยนั้น ตรงนี้ต่างหาก   ที่เป็นปัญหาด้านการสื่อสารของนายกฯคนนี้

ถาม    พูดอย่างนี้ ต้องมีคนไม่เห็นด้วยกับอาจารย์มากทีเดียว

ตอบ    เราต้องสร้างระบบที่ทำให้ประโยชน์อันเป็นธรรมของราษฎรจำนวนมากที่สุดปรากฏขึ้นมาเป็นเสาหลักในบ้านเมือง ให้ได้  ตรงนี้คือกระบวนการทางการเมืองที่พวกเราราษฎรต้องช่วยกันคิดอ่านและแสดงออก  จนเกิดการตัดสินใจ ของ “ประชาชน”ขึ้นมาได้ในที่สุด

ผมยังเชื่อว่ากระบวนการนี้ยังเป็นไปได้  ราษฎรคนไหนจะรักหรือเกลียด ลุงตู่หรือโทนี่ทักษิณ หรือบ้าชูสามนิ้วไล่งับหางชาติตัวเองไปวันๆ ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา  ผมไม่ใส่ใจ ผมใส่ใจกับกระบวนการของ “ประชาชน” เป็นส่วนรวม

ถาม    แล้วพวกที่เห็นว่า คนไทยมากเรื่อง จะเอาวัคซีนฟรี โยกโย้จะเอาโน่นเอานี่อยู่ตลอดเวลา สู่รู้ไปเสียทุกอย่าง ล่ะครับ

ตอบ    ในบทความนี้ ผมพยายามชี้บ่งว่าชาวบ้านกำลังถูกทำให้เป็นเสมือนไก่ในเล้าปิด ที่โรคกำลังระบาดจนร้องเจี๊ยวจ๊าวไปหมด   ถ้าภาพนี้ถูกต้อง คุณจะมาตัดสินว่าไก่เล้านี้ไม่รู้จักพอ หนวกหู พูดมากไม่ได้    เราทุกคนล้วนเป็นไก่ในเล้าปิดนี้เหมือนกัน  คุณอาจต่างกับเขาก็ตรงเป็นไก่ที่ไม่รู้ตัวเท่านั้นเอง

ช่วยกันคิดใหม่จนเลิกเป็นไก่ แล้วเป็นเสรีชนร่วมกันเผชิญวิกฤตรักษาบ้านเมืองให้ลูกหลานตาดำๆต่อไปเถิด นะจ๊ะ นะจ๊ะ นะจ๊ะ นะครับ..

ข้อมูลจาก https://www.thaipost.net/main/detail/109565