Font Size

Feb 14, 2020 ด่วน! เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กลายพันธุ์จากแอฟริกาใต้มาถึงประเทศไทย

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า วันนี้ 14 กุมภาพันธ์ 2664 ตรวจพบผู้ป่วยโรคระบาดโควิด-19 กลายพันธุ์เหมือนอย่างที่พบใน ประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่วนับเป็นผู้ป่วยโรคระบาดโควิด-19 กลายพันธุ์รายเเรกของประเทศไทย ผู้ป่วยคนดังกล่าวเป็นคนไทยซึ่งเดินทางมาจากประเทศเเทนซาเนีย มีอายุ 41 ปี ผู้ป่วยชายคนนี้เดินทางกลับมาจากประเทศแทนซาเนีย เมื่อ 29 มกราคม 2564 โดยมีโรคประจำตัว คือโรคหอบหืด ความดันโลหิตสูง และมีน้ำหนักตัวมากเกินไปจากการตรวจสอบเชิงลึก พบว่าผู้ป่วยชายคนไทยวัย 41 ปี คนดังกล่าวเดินทางไปรับซื้อพลอยที่ประเทศแทนซาเนีย เป็นเวลานาน 2 เดือน ระหว่างที่อยู่ในประเทศแทนซาเนีย ผู้ป่วยรายนี้ได้เข้าร่วมงานเลี้ยง โดยผู้เข้าร่วมงานเลี้ยงไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัย เนื่องจากว่าไม่มีเคสผู้ป่วยในประเทศแทนซาเนีย

สำหรับไทม์ไลน์ของผู้ป่วยมีดังนี้

29 มกราคม: ผู้ป่วยคนไทยรายนี้เดินทางจากประเทศแทนซาเนีย โดยมาต่อเครื่องบินที่ประเทศเอธิโอเปีย จากนั้นเดินทางถึงเมืองไทย ทำการคัดกรองอาการป่วย ณ ด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศ สนามบินสุวรรณภูมิ พบว่าไม่มีไข้และอาการป่วย จึงเดินทางไปกักตัวใน State Quarantine

3 กุมภาพันธ์: ทำการเก็บตัวอย่างส่งตรวจหาเชื้อโควิด-19 ครั้งที่ 1 พบผลเลือดเป็นบวก

4 กุมภาพันธ์: ถูกส่งตัวไปรับการรักษาที่ รพ.ของรัฐ โดยผู้ป่วยให้ประวัติว่ามีไข้ต่ำๆ ไอ รับไว้รักษาในห้องแยก

5 กุมภาพันธ์: ทีมสอบสวนโรคส่งตัวอย่างผลตรวจ โดยระบุสายพันธุ์ของโควิด-19 เนื่องจากผู้เดินทางมาจากทวีปแอฟริกา เพื่อเฝ้าระวังสายพันธุ์ใหม่ ณ ศูนย์วิทยศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ สภากาชาดไทย (EID-TRC)

12 กุมภาพันธ์: ผลการตรวจสายพันธุ์ของเชื้อโควิด-19 (Whole Genome Sequencing)โดยศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ สภากาชาดไทย (EID-TRC) พบเป็นโรคระบาดโควิด-19 กลายพันธุ์ของแอฟริกาใต้ South African Variant (98.64% coverage)

13 กุมภาพันธ์: ทีมสอบสวนโรคในพื้นที่และกรมควบคุมโรค ลงประเมินการสัมผัสผู้ป่วยของเจ้าหน้าที่ ณ State Quarantine และ โรงพยาบาล พบว่า เจ้าหน้าที่ดำเนินกิจกรรมอย่างรัดกุม ได้เก็บตัวอย่างส่งตรวจ PCR ในเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และสาธารณสุข รวมทั้งเจ้าหน้าที่ใน State Quarantine รวม 41 ราย (โรงพยาบาล 31 ราย State Quarantine 10 ราย) ให้ผลเป็นลบทั้งหมด

โรคระบาดโควิด-19 กลายพันธุ์จากประเทศแอฟริกาใต้ ได้หลายเป็นประเด็นที่น่าสนใจจากทั่วโลก โดยเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประเทศแอฟริกาใต้ นาย Zweli Mkhize เปิดเผยว่า มีคำสั่งยุติโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ด้วยวัคซีนที่ผลิตโดยบริษัทแอสตร้าเซเนก้าและมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ดในประเทศแอฟริกาใต้ (วัคซีนดังกล่าวนั้น ประเทศไทยสั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวน 2 ล้านโดสเพื่อฉีดให้กับประชาชนด้วย) สาเหตุจากผลการฉีดวัคซีนดังกล่าวให้กับอาสาสมัครที่รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กลายพันธ์ุของแอฟริกาใต้ในกลุ่มที่แสดงอาการป่วยของโรคปานกลาง

รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข แอฟริกาใต้ กล่าวต่อไปว่ารัฐบาลจะรอคำแนะนำจากนักวิทยาศาสตร์การแพทย์เพื่อตัดสินใจที่จะดำเนินการอย่างไรต่อไป โดยโรคระบาดโควิด-19 กลายพันธุ์ที่มีรหัสพันธุกรรม 501Y.V2 ซึ่งเป็นเชื้อกลายพันธุ์ที่พบในแอฟริกาใต้ และถูกพบในต่างประเทศมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

จากการวิเคราะห์ผลการทดสอบฉีดวัคซีนที่ผลิตโดยบริษัทแอสตร้าเซเนก้าและมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด เทียบกับการฉีดวัคซีนหลอกในกลุ่มอาสาสมัครรับการทดลองในแอฟริกาใต้ พบว่าวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของที่ผลิตโดยบริษัทแอสตร้าเซเนก้าและมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด มีผลป้องกันเหลือเพียง 22% ในกลุ่มที่มีอาการป่วยปานกลางหรือป่วยเบาบาง ซึ่งถือได้ว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกัน และลดการแพร่กระจายเชื้อต่ำมาก เมื่อเทียบกับเกณฑ์การพิจารณาว่าวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ต้องมีประสิทธิภาพตั้งแต่ 50% ขึ้นไป อย่างไรก็ตาม วัคซีนดังกล่าวไม่ได้ถูกประเมินถึงความสามารถในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง เนื่องจากการทดสอบอยู่ในกลุ่มวัยรุ่นซึ่งไม่ได้พิจารณาว่าเป็นกลุ่มที่มีอาการป่วยรุนแรง

ทั้งนี้ รัฐบาลแอฟริกาใต้ ประกาศว่ามีความจำเป็นต้องขายวัคซีนของแอสตร้าเซเนก้าไปให้ประเทศอื่นๆที่สนใจอยากนำไปฉีดให้กับประชาชน หากประเทศใดสนใจที่จะรับวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 แอสตร้าเซเนก้า จำนวน 1 ล้านโดส สามารถติดต่อกับรัฐบาลแอฟริกาใต้ได้ทันที

#ไทย #แอฟริกาใต้ #ไวรัสกลายพันธุ์ #โควิด19กลายพันธุ์ #วัคซีน #แอสตร้าเซเนก้า #โควิด19 #covid19 #BTimes