Font Size
 

หนึ่งในบรรดาทฤษฎีสมคบคิด (conspiracy theory) ที่เด่นดังที่สุดในยุคโควิด-19 คือกรณีบิล เกตส์ (Bill Gates)

 

ทฤษฎีสมคบคิดกรณีบิล เกตส์ :

            ทฤษฎีสมคบคิดที่เล่นงานบิล เกตส์ เริ่มจากการตีความคำพูดของเขาเมื่อปี 2015 ว่าจะเกิดไวรัสโคโรนาระบาด จึงสรุปว่าโควิด-19 คือฝีมือเกตส์ แต่ที่ไม่พูดถึงคือเนื้อหาสาระที่บิล เกตส์ พูดจริงๆ ใจความหลักที่เกตส์เอ่ยคืองานมูลนิธิของเขาเรื่องโรคระบาด เอ่ยถึงโรคอีโบลาที่ระบาดหนักในแอฟริกา โปลิโอ ไข้หวัดระบาด เรียกร้ององค์การอนามัยโลก นานาชาติให้ความสนใจเตรียมตัวรับมือ เพราะโรคระบาดเหล่านี้เป็นเรื่องจริงใกล้ตัว

            ควรเข้าใจเพิ่มเติมว่า ไวรัสโคโรนาที่บิล เกตส์ เอ่ยหมายถึงเชื้อไวรัสหลายตัวในกลุ่มนี้ (ไวรัสโคโรนาเป็นเชื่อกลุ่มไวรัส ไม่ใช่แค่โควิด-19) แต่พวกสร้างทฤษฎีสมคบคิดจะตีความว่าไวรัสโคโรนาดังกล่าวคือโควิด-19 และโยงว่าเกตส์รู้ล่วงหน้าว่าจะมีโควิด-19 เป็นแผนควบคุมโลกด้วยการทำให้เกิดโรคระบาด ให้คนตายมากที่สุด นำสู่การฉีดวัคซีนที่ฝังไมโครชิปควบคุมมนุษย์เหมือนควบคุมสัตว์เลี้ยง อาดัม เฟนนิน (Adam Fannin) กล่าวว่า ชิปที่ว่าคือ “digital certificates” กับ “quantum dot tattoos” 2 อย่างนี้จะทำงานร่วมกันและส่งข้อมูลไปยัง “สหประชาชาติ”

            คนที่เชื่อทฤษฎีสมคบคิดจะฟันธงว่าเกตส์ต้องการฆ่าล้างคนจำนวนมาก เนื่องจากเคยพูดว่าไม่อยากให้ประชากรโลกเพิ่มเร็วเพราะทำให้คนยากจน ควรแก้ปัญหานี้ กลุ่มคนที่คิดเช่นนี้มักเป็นพวกที่เชื่ออยู่แล้วว่าเกตส์กับพวกกำลังควบคุมจำนวนประชากรโลกด้วยหลายวิธี ใช้มูลนิธิของตนเป็นเครื่องมือ บางคนถึงกับเชื่อว่าต้องการลดหรือกำจัดบางเผ่าพันธุ์ เช่น พวกผิวสี (ผิวดำ) ในขณะที่เกตส์ยืนยันว่ามูลนิธิของตนทำงานสนับสนุนการคุมกำเนิด ยึดหลักการว่ามีลูกมากจะยากจน ถ่วงรั้งการพัฒนา

            เมื่อเกตส์บริจาคเงินหลายร้อยล้านสนับสนุนกลุ่มบริษัทวิจัยวัคซีนก็ถูกตีความว่านี่คือหลักฐานการสร้างวัคซีนควบคุมมนุษย์

            ถ้าพูดให้สุดๆ คนพวกนี้เชื่อว่าทุกวันนี้โลกถูกครอบงำด้วยชนชั้นปกครองโลกอย่างเป็นระบบ พวกเขาต้องการอำนาจ ความมั่งคั่ง ทำให้คนทั้งโลกอยู่ใต้อำนาจเหมือนทาส ชนชั้นปกครองโลกที่ว่านี้ประกอบด้วยนักการเมือง ผู้มีอำนาจในระบบการเงินการค้าโลก ในตลาดหุ้น เจ้าของสถาบันการเงิน เป็นเจ้าของสื่อและใช้สื่อทำให้โลกเข้าใจอย่างที่พวกเขาต้องการ

โยงความเชื่อศาสนากับทฤษฎีสมคบคิด :

            อาดัม เฟนนิน (Adam Fannin) นักสอนศาสนาคริสต์ที่ฟลอริดากล่าวว่าไบเบิลชี้จะมีพวกต่อต้านพระเจ้า (Antichrist) พวกที่เรียกตัวเองเป็นพระเจ้า คนพวกนี้จะพยายามรวมโลกเป็นหนึ่งภายใต้รัฐบาลเดียว ระบบการเงินเดียวและสร้างโลกที่มีศาสนาความเชื่อเดียว บิล เกตส์คือผู้หนึ่งที่เฟนนินกำลังพูดถึง

            ด้วยเหตุนี้เฟนนินจึงต่อต้านการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 และเรียกร้องให้สังคมปฏิเสธการฉีดวัคซีน

            จะเห็นว่ามีการนำศาสนาความเชื่อเข้ามาเชื่อมโยงกับทฤษฎีสมคบคิด แม้คนที่เชื่อเป็นคนส่วนน้อย เป็นการบิดเบือนศาสนา เหมือนการตีความวันสิ้นโลก เมื่อใกล้ปี ค.ศ.1000 บางคนตีความว่าถึงวันสิ้นโลก เมื่อใกล้ปี ค.ศ. 2000 ที่ผ่านมาก็มีผู้ตีความว่าจะถึงวันสิ้นโลกในวันนั้น

            บิล เกตส์โต้ว่าเป็นทฤษฎีสมคบคิด การปั้นน้ำเป็นตัวอย่างเป็นระบบ ไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย

            ไม่ว่าจริงหรือเท็จ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด หลายคนเห็นว่าต้องรณรงค์ต่อต้านบิล เกตส์ หนึ่งในวิธีการคือปฏิเสธฉีดวัคซีน

กระแสคนอเมริกันไม่ฉีดวัคซีน :

            ต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาผลสำรวจของ Gallup พบว่าคนอเมริกันร้อยละ 65 เท่านั้นที่ยอมฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ร้อยละ 35 บอกว่าจะไม่ฉีดแม้ อย.สหรัฐรับรองและฉีดฟรี

            ผลสำรวจของ USA TODAY/ Suffolk เมื่อปลายเดือนสิงหาคม คนอเมริกันร้อยละ 67 จะไม่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ร้อยละ 23 ประกาศว่าจะไม่ใช้เด็ดขาด บางคนให้เหตุผลว่าไม่อยากเป็นหนูทดลอง ถ้าวัคซีนไม่ดีพอจะไม่ใช้ บางคนคิดว่าหากยิ่งรัฐบาลบังคับฉีดจะยิ่งน่าสงสัยว่ามีอะไรเบื้องหน้าเบื้องหลังหรือไม่

            สาเหตุหนึ่งที่คนเชื่อทฤษฎีสมคบคิดเพราะมีกลุ่มคนพยายามกระจายความคิดว่าวัคซีนเป็นโทษมากกว่าประโยชน์ คนเหล่านี้อยู่รวมเป็นขบวนการ สร้างฐานข้อมูล รายงานข้อสรุป เผยแพร่ความรู้ตามแนวคิดของตนตลอดเวลา คนที่ยึดถือแนวทางนี้จึงไม่เป็นเพียงความคิดล่องลอย มีข้อมูลฝ่ายตนสนับสนุน

            ประเด็นคนไม่ฉีดวัคซีนเป็นเรื่องใหญ่ ฟรานซิส คอลลินส์ (Francis Collins) ผอ.สถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐ (National Institutes of Health) ยอมรับว่าคนอเมริกันจำนวนมากยังลังเลที่จะฉีดวัคซีน

            ตั้งแต่โควิด-19 ระบาด คนส่วนใหญ่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าวัคซีนคือคำตอบ หยุดความเสียหายต่างๆ แต่หากคนจำนวนมากไม่ฉีดวัคซีนการแพร่ระบาดจะยืดเยื้ออีกนาน เป็นอีกเหตุผลว่าโลกยุคโควิด-19 จะกินเวลาหลายปีไม่ใช่แค่ 2-3 ปีเท่านั้น

            แต่สำหรับพวกที่เชื่อทฤษฎีสมคบคิด พวกเขายินดีเสี่ยงเจ็บป่วยมากกว่าเป็นมนุษย์ที่ถูกควบคุมติดตาม ทางออกของพวกเขาคือต้องดำเนินชีวิตแบบ New Normal อีกนานเท่านานจนกว่าเชื้อจะหายไปหรือไม่เป็นภัยร้ายแรง เรื่องนี้มีผลต่อเศรษฐกิจสังคมแน่นอน เป็นประเด็นให้วิพากษ์อีกนาน

ยุคที่คนเชื่อเรื่องที่อยากจะเชื่อ :

            พวกที่เชื่อทฤษฎีสมคบคิดจะรับเสพข้อมูลเฉพาะสื่อในกลุ่มพวกเขา จะมีอารมณ์ร่วมเสมือนหนึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย และจะสรุปว่าสื่อกับความคิดเห็นที่ต่างจากพวกเขานั้นผิด (เพราะตีความว่าสื่อกระแสหลักอยู่ใต้การควบคุมของชนชั้นปกครอง) ในขณะที่ผู้อื่นพยายามอธิบายเหตุผลข้อเท็จจริง พวกเขาจะปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็น ยืนกรานความคิดข้อสรุปตน

            โควิด-19 เป็นอีกตัวอย่างที่แม้กระทั่งนักการเมืองอเมริกันหลายคนปฏิเสธความรู้ข้อสรุปจากวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวต่อสังคมตรงๆ ว่าขอให้เชื่อตนมากกว่าข้อสรุปจากผู้เชี่ยวชาญวิทยาศาสตร์โดยอ้างว่าพวกนี้ถูกการเมืองครอบงำ นักการเมืองพวกนี้จ้องจะสรุปว่าเป็นไวรัสของจีน เป็นความผิดของรัฐบาลจีน แต่ไม่ยอมแสดงหลักฐานใดๆ ต่อองค์การอนามัยโลก

            ถ้ายึดหลักวิทยาศาสตร์การแพทย์การกลายพันธุ์ของไวรัส แบคทีเรีย เป็นเรื่องปกติ เกิดขึ้นอยู่เสมอ เป็นเหตุผลที่ต้องพัฒนายาปฏิชีวนะตัวใหม่ เพราะเชื้อโรคปรับตัวกลายพันธุ์ เป็นเหตุผลที่องค์การอนามัยโลกสรุปว่าเชื้อโรคโควิด-19 มาจากธรรมชาติไม่ใช่ฝีมือมนุษย์

            แต่คนเชื่อทฤษฎีสมคบจะไม่ฟังเสียงคนอื่น ผู้ลุ่มหลงในทางนี้จะจมดิ่งในทางนี้ลึกลงเรื่อยๆ ยิ่งนานวันยิ่งยากจะถอนตัว

โลกแห่งความสับสนอะไรคือความจริงความเท็จ :

            ในโลกแห่งลัทธิเสรีนิยม คนมีสิทธิ์เลือกยึดถือตามความคิดตน เป็นความจริงที่ว่าบางอย่างมีหลายทางเลือก เช่น จากกรุงเทพฯ เดินทางไปเชียงใหม่ทำได้หลายวิธี แต่บางเรื่องมีความจริงแท้เพียงหนึ่งเดียว พวกที่เชื่อทฤษฎีสมคบคิดเชื่อว่ามนุษย์สร้างไวรัสและสร้างวัคซีนควบคุมมนุษย์จะไม่ยอมใช้วัคซีนเด็ดขาด โดยเฉพาะวัคซีนบางตัวบางประเทศ การใช้หรือไม่ใช้วัคซีนของแต่ละคนนอกจากส่งผลต่อตัวเอง คนรอบกายแล้ว จะส่งผลต่อสังคมโดยรวมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

            บทความนี้ไม่ได้สรุปว่าไวรัสมาจากใครประเทศใด กำลังชี้ความสับสนทางความคิดความเข้าใจของหลายคนในยุคโควิด-19

                โลกมีข้อมูลความรู้มากมายจนตามไม่ทัน มีขบวนการสร้างเรื่องเท็จให้คนหลงเชื่อ มีเป้าหมายชัดที่จะหลอกลวงคนอื่น หลายคนตกอยู่ในความสับสนทางความคิดความเข้าใจ ที่ต้องตระหนักคือความคิดถูกหรือผิดเพียงเรื่องเดียวอาจทำให้ทั้งชีวิตเปลี่ยนไป

            ใครยึดความจริงใด สิ่งนั้นจะพาเขาไปสู่ปลายทางแห่งความจริงนั้น ผู้ที่มุ่งมั่นตั้งใจแสวงหาความจริงแท้ย่อมมีโอกาสพบมากกว่า.

-----------------------

ภาพ : การรับมือโควิด-19 ในหน้าฝน

ที่มา : https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/img/infographic/info_howto_180463.jpg

ขอบคุณบทความต้นฉบับ https://www.thaipost.net/main/detail/78722