Font Size
 

12 ส.ค.2563 -  นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก ในหัวข้อ “โควิด 19 ความหลากหลายทางพันธุกรรม กับ การกลายพันธุ์” ระบุว่า อยากจะทำความเข้าใจ เพื่อจะได้ไม่ต้องไปโหนกระแส 

ความหลากหลายทางพันธุกรรม (Polymorphism) ในส่วนของ DNA และ RNA เป็นการเปลี่ยนแปลงทางวิวัฒนาการ เช่นในมนุษย์ ทำให้เกิด สูง ต่ำ ดำขาว ผิวขาว ผิวสี ผิวแบบคนเอเชีย โดยที่ทุกคนก็ยังเป็นคน ทำนองเดียวกัน เชื้อโควิด ก็มีการวิวัฒนาการเกิดความหลากหลายทางพันธุกรรม เป็นสายพันธุ์ต่างๆ เป็นสายพันธุ์ S, L, V, G โดยบทบาทใหญ่ก็ยังเป็นเชื้อโควิด ทั้งด้านความรุนแรงและระบบภูมิต้านทานก็ยังคงเหมือนเดิม
การกลายพันธุ์ (Mutation) เป็นการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม หรือ DNA RNA ทำให้ มีลักษณะแตกต่างจากเดิม ทำให้การทำงาน การแสดงออก หรือพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป เช่นไข้หวัดนก H5 เดิมอยู่ในนก นกส่วนใหญ่ไม่มีอาการ แต่เมื่อมีการสอดแทรก RNA ในส่วน ของยีน H5 ทำให้เพิ่มการสร้างกรดอะมิโนที่เป็น Basic ในบริเวณจุดตัด cleavage site ทำให้ไวรัสคุกคามนกได้ง่าย และเกิดความรุนแรงในนก และยังมีโอกาสข้ามมายังคนได้ ดังในอดีตที่เราเจอปัญหา ไข้หวัดนก

 

ในทำนองเดียวกัน เชื้อโควิด-19 ขณะนี้ ยังเป็นความหลากหลายทางพันธุกรรม ตามวิวัฒนาการ เปลี่ยนแปลงจากบรรพบุรุษ เป็นสายพันธุ์ต่างๆ และมีการแพร่กระจายออกไปทั่วโลก สายพันธุ์ G ระบาดมากและแพร่กระจายได้ง่าย ในยุโรปและอเมริกาเข้าสู่ตะวันออกกลาง จึงเป็นสายพันธุ์เด่นในขณะนี้เส้นทางกลับสายพันธุ์ที่ระบาดในประเทศไทยก่อนหน้านี้พบๆสายพันธุ์เด่น เป็นสายพันธุ์ S 

นักวิทยาศาสตร์ที่ทำการศึกษาวิจัยจากหลายแห่ง ที่เผยแพร่ในวารสาร ศึกษาวิจัย พบว่า สายพันธุ์ G แพร่กระจายได้ง่าย (Korber B et al Cell, 2020, Yurkovetskiy L et al, bioRxiv 2020, Zhang L et al BioRxiv 2020,) แต่โรคไม่ได้ทำให้โรครุนแรงขึ้น เปลี่ยนแปลงระบบภูมิต้านทานแต่อย่างใด

ความหลากหลายทางพันธุกรรม ยังมีประโยชน์ในการติดตาม แยกแยะ หรือ หาแหล่งที่มา เช่นในการพิสูจน์เอกลักษณ์ของบุคคล ของสิ่งมีชีวิตรวมทั้งไวรัส

 

ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.thaipost.net/

เนื้อหาต้นฉบับ https://www.thaipost.net/main/detail/74179