Font Size
"โอไมครอน" เปิด ผลวิจัย น่ากังวล ไม่เคยรู้มาก่อน เด็ก ต้องเจอ หนักถึงขั้นนี้
 

เปิด ผลวิจัย ไวรัสสายพันธุ์ "โอไมครอน" Omicron น่ากังวล เกี่ยวกับ เด็ก ที่ไม่เคยรู้มาก่อน ถึงขั้น ความจำเสื่อม

อัปเดตสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด โดยเฉพาะสายพันธุ์ "โอไมครอน" Omicron ถึงแม้จะพบแนวโน้มว่า การระบาดจะลดลง แต่ก็ยังมีสิ่งที่น่ากังวลออกมาเรื่อย ๆ โดยที่เราไม่คาดคิด ทั้งเรื่องความสามารถในการแพร่กระจายของสายพันธุ์โอไมครอน โดยเฉพาะในกลุ่มเด็ก ๆ และปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เกี่ยวกับอาการโควิด ที่บางคนเคยเป็น ซึ่งล่าสุด งานวิจัยจากผู้เชี่ยวชาญนานาประเทศ ก็พบว่า เด็กสามารถรับเชื้อโอไมครอนทางจมูกได้ง่ายกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้า และปัญหาการ ไม่ได้กลิ่นหลังติดเชื้อ อาจบ่งบอกถึงปัญหาทางสมอง-ความจำในอนาคต

สำนักข่าวรอยเตอร์ ได้รวบรวมบทสรุปของ ผลการศึกษาล่าสุด เกี่ยวกับโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งรวมถึงผลการศึกษาที่น่าเชื่อถือ และน่าจะนำไปสู่การค้นคว้าเพิ่มเติม รวมทั้ง รายงานที่ยังรอการประเมินคุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญรายอื่น ๆ ก่อนจะมีการตีพิมพ์ ไว้ดังนี้

 
 

1. เด็ก รับเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนทางจมูกได้ง่ายกว่าสายพันธุ์อื่น

การศึกษา ระบุว่า โคโรนาไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน อาจแพร่เชื้อไปสู่เด็กผ่านทางจมูกได้ง่ายกว่าโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ก่อนหน้านี้ โดยในช่วงต้นของการระบาดใหญ่ของโควิด-19 จมูกของเด็กรับเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโควิด-19 ได้น้อยกว่าจมูกของผู้ใหญ่ โดยการศึกษาเชื้อไวรัส ซาร์ส-โควี-ทู สายพันธุ์ดั้งเดิมและสายพันธุ์อื่น ๆ พบว่าเซลล์เยื่อบุจมูกของเด็ก ๆ มีภูมิคุ้มกันไวรัสเหล่านั้นได้ดีกว่าเซลล์เยื่อบุจมูกของผู้ใหญ่ และไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าวก็ไม่สามารถเพิ่มจำนวนได้มากเมื่ออยู่ในจมูกของเด็ก ๆ

เด็กป่วยโควิด

เด็กป่วยโควิด

ทั้งนี้ การทดลองในหลอดทดลองเมื่อเร็ว ๆ นี้ เปิดเผยผลการทดลอง ที่ผสมไวรัสกับเซลล์จมูกจากเด็กสุขภาพดี 23 คน และผู้ใหญ่สุขภาพดี 15 คน พบว่า การต้านไวรัสในจมูกของเด็ก “เด่นชัดน้อยกว่าในกรณีของ โอไมครอน Omicron” นักวิจัยรายงานเมื่อวันจันทร์ใน PLOS Biology ระบุว่า Omicron สามารถแบ่งตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในเซลล์เยื่อบุจมูกของเด็ก เมื่อเทียบกับทั้ง Delta และไวรัสดั้งเดิม 

2.การรับรู้กลิ่นที่มีปัญหาอาจเป็นสัญญาณปัญหาสมองและความจำในอนาคต

การศึกษาอีกชิ้นจากประเทศอาร์เจนตินา ระบุว่า ระดับความรุนแรงของความผิดปกติในการรับรู้กลิ่นหลังการติดเชื้อโควิดนั้น อาจเป็นสิ่งที่ทำนายภาวะถดถอยทางสมองในระยะยาวได้ โดยนักวิจัยได้ทำการศึกษากลุ่มตัวอย่างแบบสุ่มจำนวน 766 คน ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี โดยประมาณ 90% ในจำนวนนี้เคยติดเชื้อโคโรนาไวรัสมาแล้ว

นักวิจัยได้ทำการการทดสอบทางกายภาพ ความรู้ความเข้าใจ และอาการทางจิตประสาทของคนกลุ่มนี้เป็นเวลา 3-6 เดือน หลังจากการติดเชื้อโควิด และพบว่า 2 ใน 3 ของผู้ที่เคยติดเชื้อมีอาการ "ความจำเสื่อม" ในระดับหนึ่ง และหลังจากพิจารณาปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ของแต่ละบุคคล เช่น การสูญเสียการรับรู้กลิ่นอย่างรุนแรง หรือ Anosmia แล้ว ก็ทำให้สามารถทำนายภาวะถดถอยทางสมองได้อย่างมีนัยสำคัญ 

กาบรีเอลา กอนซาเล-อาเลแมน นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Pontificia Universidad Catolica Argentina ในกรุงบัวโนสไอเรส เปิดเผยว่า ยิ่งมีข้อมูลเชิงลึกมากขึ้นเกี่ยวกับสาเหตุ หรืออย่างน้อยก็คาดการณ์ได้ว่า ใครจะเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะถดถอยทางสมองในระยะยาวอย่างมีนัยสำคัญจากการติดเชื้อโควิด-19 เราก็จะสามารถจะติดตามและเริ่มพัฒนาวิธีการป้องกันได้ดียิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ข้อมูลเหล่านี้ สอดคล้องกับจำนวนการติดเชื้อในเด็กที่เพิ่มขึ้นในช่วงคลื่นโอไมครอน Omicron ซึ่งนักวิจัยเขียนในขณะที่เรียกร้องให้มีการศึกษาเพิ่มเติม

ข้อมูลจาก https://www.komchadluek.net/covid-19/covid-19-updated/526863?adz=