Font Size

ผงะ! พบโควิดสายพันธุ์ใหม่ "โอมิครอน BA.4.6"  น่ากลัวแค่ไหน อ่านเลยที่นี่

 ผงะ! พบโควิดสายพันธุ์ใหม่ "โอมิครอน BA.4.6" น่ากลัวแค่ไหน อ่านเลยที่นี่มีคำตอบ หมอเฉลิมชัยเผยระบาดมากขึ้นในสหรัฐอเมริกาและอีก 43 ประเทศทั่วโลก

น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า

 

มาใหม่อีกแล้ว !! ไวรัส BA.4.6 พบมากขึ้นในสหรัฐอเมริกาและอีก 43 ประเทศทั่วโลก ส่อผลกระทบต่อวัคซีนใหม่เจนเนอเรชั่นที่ 2

จากสถานการณ์โควิดทั่วโลก ที่ในขณะนี้มีการระบาดไปมากกว่า 230 ประเทศและเขตการปกครอง

มีผู้ติดเชื้อรวมแล้ว 588 ล้านคน เสียชีวิตมากถึง 6.4 ล้านคน คิดเป็น 1.1%
โดยสายพันธุ์หลักของไวรัสก่อโรคโควิดในขณะนี้คือ Omicron (โอมิครอน) ซึ่งถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มน่าเป็นห่วงกังวลหรือ VOC

Omicron มีการกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ย่อย (Sub-variant) ไปอีกเป็นจำนวนมาก

แต่ที่โดดเด่นมากสุดในขณะนี้คือ BA.4 , BA.5 โดยความสามารถในการแพร่เชื้อสูงสุดในขณะนี้ได้แก่ BA.5 ซึ่งแพร่ได้เร็วกว่าไวรัสอู่ฮั่น 5 เท่า และแพร่ได้เร็วกว่าไวรัส Delta  3.6 เท่า

ในสหรัฐอเมริกาเองพบ BA.5 เป็นอันดับหนึ่ง ตามด้วย BA.4 เช่นเดียวกับในประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม มีรายงานล่าสุดเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2565 ในสหรัฐอเมริกา ได้พบไวรัสสายพันธุ์ใหม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วคือ BA.4.6

สามารถแซงไวรัสตัวอื่น ขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ตามหลังเพียง BA.4/BA.5 ด้วยสัดส่วน 4.1%

ตามหลังอันดับสอง BA.4 ที่ 7% และ BA.5 ที่ 84%

พบโควิดสายพันธุ์ใหม่ "โอมิครอน BA.4.6"

 

พบโควิดสายพันธุ์ใหม่ "โอมิครอน BA.4.6"

อย่างไรก็ตามการที่ BA.4.6 สามารถเพิ่มจาก 0% เป็น 4.1% ในเวลาอันสั้นนั้น บ่งบอกถึงความสามารถในการแพร่ระบาดที่แซงสายพันธุ์ย่อยอื่นๆขึ้นมาได้ จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

โดยพบว่าใน 4 มลรัฐที่พบมากคือ ไอโอวา (Iowa) แคนซัส(Kansas) มิสซูรี(Missouri) และเนบราสกา(Nebraska) พบ BA.4.6 มากถึง 10.7%

และในรัฐที่อยู่ในเขตแอตแลนติกกลาง และรัฐทางใต้ ก็พบผู้ติดเชื้อ BA.4.6 มากกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ
 

คงจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดกันต่อไปว่า ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ BA.4.6 จะมีความสามารถในการแพร่เร็ว ก่อโรครุนแรง ลดภูมิต้านทาน และดื้อต่อวัคซีนมากน้อยเพียงใด

และมีความแตกต่างของสารพันธุกรรมจาก BA ก่อนก่อนอย่างไร

เพราะในขณะนี้วัคซีนใหม่รุ่นที่ 2 หรือเจนเนอเรชั่นที่ 2 ซึ่งบริษัทยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯได้ผลิตสำเร็จ รอการอนุมัติจะฉีดในเดือนกันยายนนี้

ไม่ได้เตรียมไว้รับมือ BA.4.6 ซึ่งเพิ่งเกิดขึ้นมาหลังการวิจัยวัคซีนรุ่นที่สองสำเร็จ แต่เตรียมไว้รับมือ Omicron BA.1,.2,.5

ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงสารพันธุกรรมอย่างมากของ BA.4.6 ก็จะทำให้วัคซีนเจนเนอเรชั่นที่ 2 ที่ยังไม่ได้เริ่มฉีดให้กับประชาชนเลย มีประสิทธิผล ในการรับมือโควิดได้น้อยลงทันที

นับเป็นเรื่องที่ปวดเศียรเวียนเกล้าสำหรับวงการวิทยาศาสตร์ ที่จะต้องเร่งวิจัยพัฒนาวัคซีน ให้ทันการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของไวรัส คงต้องติดตามกันต่อไป

ข้อมูลจาก https://www.thansettakij.com/general-news/535597