พิมพ์
Font Size

ไทยติดเชื้อในระบบ 2 พันราย ตาย 25 ราย เป็นกลุ่ม 608 ทั้งหมด เผยประสิทธิผลวัคซีน พบสี่เข็มป้องกันป่วยหนัก-เสียชีวิต 100%

01 ก.ย.2565 - ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ ในฐานะผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทย พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,004 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 1,996 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 1,996 ราย มาจากเรือนจำ 7 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 1 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 1,743 ราย อยู่ระหว่างรักษา 15,990 ราย อาการหนัก 736 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 355 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 25 ราย เป็นชาย 13 ราย หญิง 12 ราย เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 24 ราย มีโรคเรื้อรัง 1 ราย มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,652,923 ราย มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,604,605 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 32,328 ราย อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ทั่วโลกยังมีแนวโน้มติดเชื้อเพิ่มขึ้นระลอกเล็กๆ ส่วนตัวเลขเสียชีวิตยังทรงตัว เช่นเดียวกับสถานการณ์ในประเทศไทยที่ยังพบผู้ติดเชื้อเป็นระลอกเล็กๆ ทั่วประเทศ แต่ป่วยหนักและเสียชีวิตลดลงต่อเนื่อง ทำให้อัตราครองเตียงและปริมาณการใช้ยาต่อวันลดลง

พญ.สุมนี กล่าวว่า สำหรับการให้บริการฉีดวัคซีนในกลุ่มเป้าหมายหลัก ผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ฉีดเข็มสามแล้ว 6,437,305 โดส คิดเป็น 50.7% ส่วนเด็กที่มีอายุ 5-11 ปี ฉีดเข็มสองแล้ว 2,425,430 โดส คิดเป็น 47.1% ทั้งนี้ สำนักงานสารนิเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดเผยข้อมูลประสิทธิผลของวัคซีนจากการใช้จริงระหว่างเดือน พ.ค.2565-ก.ค.2565 ซึ่งเป็นช่วงการระบาดของสายพันธุ์ย่อยโอมิครอน BA.4 BA.5 พบว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนสองเข็มป้องกันปอดอักเสบที่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจได้ 60% และป้องกันเสียชีวิตได้ 72% ผู้ที่ฉีดสามเข็ม ป้องกันปอดอักเสบที่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจได้ 83% และป้องกันเสียชีวิตได้ 93% และผู้ที่มีฉีดสี่เข็ม ป้องกันปอดอักเสบที่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจและเสียชีวิตได้ 100% ขอยืนยันว่าการฉีดวัคซีนไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อ แต่การฉีดวัคซีนวัคซีนสามเข็มขึ้นไปหวังผลให้ช่วยป้องกันป่วยหนักและเสียชีวิตได้อย่างน้อย 6 เดือน อย่างไรก็ตาม สำหรับวัคซีนในเด็กเล็กอายุ 6 เดือน และก่อน 5 ปี ขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการจัดหาวัคซีนไฟเซอร์ฝาแดง คาดว่าจะเข้ามาในช่วงไตรมาสที่สี่ของปีนี้

พญ.สุมนี กล่าวว่า ในช่วง 2-3 เดือน ที่ผ่านมาพบผู้ติดเชื้อมากขึ้น เนื่องจากสายพันธุ์โอมิครอนสามารถแพร่เชื้อได้ง่าย ทั้งนี้ ปัจจุบันผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ยังคงได้รักษาฟรีตามสิทธิที่ตัวเองมี ทั้งบัตรทอง ประกันสังคม ในรูปแบบเจอ แจก จบ กรณีมีอาการหนักวิกฤติยังใช้สิทธิยูเซปที่ใดก็ได้เช่นเดิม อย่างไรก็ตาม ในช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่โรคประจำถิ่นหากตรวจเอทีเคเป็นผลบวกให้โทรศัพท์ไปที่เบอร์ 1330 กลุ่มประชาชนทั่วไปให้กด 14 กลุ่ม 608 กด 18 แต่ถ้าอาการหนักให้โทรศัพท์ไปที่เบอร์ 1669 กด 2 ซึ่งเป็นศูนย์เอราวัณจะรับผิดชอบนำส่งทุกที่

 

ข้อมูลจาก https://www.thaipost.net/covid-19-news/212367/