จะเกิดอะไรขึ้นถ้าไวรัสโควิดไม่หายไปไหน แถมยังกลายพันธุ์ร้ายแรงกว่าเดิมจนโลกต้องตกอยู่ในภาวะล็อกดาวน์ยาวนานถึง 4 ปี รับชมภาพจำลองเหตุการณ์ได้จากหนัง “SONGBIRD โควิด 23 ไวรัสล้างโลก” ซึ่งเป็นหนังเรื่องแรกที่ถ่ายทำในสถานการณ์โควิดแพร่ระบาดในแอลเอ
มีผู้เชี่ยวชาญด้านการสาธารณสุขหลายรายคาดการณ์เอาไว้ว่ามีแนวโน้มที่โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ‘โควิด-19’ จะไม่หายไปไหน แต่จะกลายเป็นโรคประจำถิ่นเหมือนโรคไข้หวัดใหญ่ที่วนเวียนกลับมาระบาดเป็นระลอก ตราบจนกระทั่งผู้เชี่ยวชาญสามารถคิดค้นวัคซีนที่ปลอดภัย มีผลป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพจึงทำให้ไม่เกิดการระบาดรุนแรงจนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากแบบการระบาดครั้งแรกๆ
ถ้าเช่นนั้นต้องมาดูภาพจำลองเหตุการณ์นี้จากภาพยนตร์เรื่อง ‘SONGBIRD โควิด 23 ไวรัสล้างโลก’ หนังไซไฟระทึกขวัญบีบหัวใจผู้ชมเรื่องล่าสุดจากการสร้างของยอดฝีมือแถวหน้าของฮอลลีวูดอย่าง ไมเคิล เบย์ ที่เคยฝากฝีไม้ลายมือไว้จากหนังบล็อคบัสเตอร์ฟอร์มยักษ์มหึมาอย่าง Armageddon(1998), Pearl Harbor(2001) และหนังแอ๊กชั่นแฟรนไชส์ Transformers (2007-2017) รวมถึงผู้สร้างผลงานสุดระทึกอย่าง A Quiet Place (2018) และThe Purge (2013)
ครั้งนี้ ‘ไมเคิล เบย์’ กลับมาอีกครั้งกับการอำนวยการสร้างผลงานภาพยนตร์เรื่องล่าสุดที่พูดถึงโลกอนาคตเมื่อเชื้อโควิดไม่หายไปไหน แต่กลายพันธุ์เป็น COVID-23 และทำให้โลกตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ล็อคดาวน์เป็นปีที่สี่แล้ว
SONGBIRD มีพล็อตเกี่ยวกับชาวอเมริกันที่ติดเชื้อโควิดว่าจะถูกส่งไปอยู่ในค่ายกักกันปิดตายที่ชื่อคิว-โซน ในขณะที่ผู้กล้าบางคนพยายามลุกขึ้นต่อสู้การกดขี่ภายในค่ายกักกันท่ามกลางโลกที่พังพินาศ โดยตัวเอกของเรื่องคือ นิโค (รับบทโดย เคเจ อาปา) คนส่งข่าวใจเด็ดผู้มีภูมิต้านทานไวรัสร้ายแรงตัวนี้ เขาพบรักกับ ซาร่า (นำแสดงโดย โซเฟีย คาร์สัน) ทว่าการล็อคดาวน์ทำให้ทั้งสองไม่อาจสัมผัสกันทางกายได้ และเมื่อมีข่าวว่าซาร่าติดเชื้อ นิโคจึงกระเสือกกระสนข้ามฟากจากลอสแองเจลิสเพื่อตามหาสิ่งที่จะช่วยไม่ให้เธอต้องถูกคุมขังในค่ายกักกันสุดโหด
หนังเรื่องแรกที่ถ่ายทำท่ามกลางวิกฤติโควิด
การแพร่ระบาดของโควิดอย่างหนักในซีกโลกตะวันตกทำให้กองถ่ายในฮอลลีวู้ดต้องยกเลิกการถ่ายทำเกือบหมด แต่ SONGBIRD ถือเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ถ่ายทำในระหว่างวิกฤตการณ์ ‘COVID-19’ แพร่ระบาดในลอสแองเจลิส แถมตัวหนังยังพูดถึงตัวโรคระบาดเองโดยตรงอีกด้วย
SONGBIRD เล่าถึงลอสแองเจลิสในอนาคตอีก 4 ปีให้หลัง เมื่อเชื้อไวรัสCOVID ได้กลายพันธุ์มาเป็นสายพันธุ์ร้ายแรงที่ชื่อว่า COVID-23 การล็อคดาวน์กลายเป็นเรื่องจำเป็น การประกาศเคอร์ฟิว การขาดแคลนอาหาร และของขาดตลาดกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
“มันคือสิ่งที่เราคิดว่าจะเกิดขึ้นหากการล็อคดาวน์ที่เราประสบมายังคงยืดเวลาต่อออกไปอีกสองถึงสามปี” อดัม เมสัน ผู้กำกับ/ผู้ร่วมเขียนบท กล่าว
แต่ถึงกระนั้นเขาก็บอกว่าหัวใจของ SONGBIRD คือเรื่องราวความรักของคนทั้งสองที่ไม่อาจอยู่ร่วมกัน เป็นคู่รักอับโชคที่ต้องหาวิธีอยู่ด้วยกันในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้”
“มันมีความตื่นเต้นสมกับเป็นหนังดูแกล้มป๊อบคอร์น แต่ก็มีหัวใจของความเป็นภาพยนตร์และปล่อยให้หนังเชื่อมโยงกับคนดูได้อย่างมากมาย” อดัม กู๊ดแมน ผู้อำนวยการสร้างกล่าวเสริม
หนังโควิดที่ไม่หดหู่ แต่มีความหวัง
ในส่วนของการให้ ไมเคิล เบย์ เข้ามาดูแลการสร้างด้วยนั้น กู๊ดแมนบอกว่า “ไมเคิลนำความโกลาหลและความตื่นเต้นมาสู่จอได้มากกว่าใคร และยังเคยกำกับหนึ่งในหนังวินาศแนวสันตะโรที่เยี่ยมยอดที่สุดด้วย แต่เราไม่ได้พยายามทำให้ผู้ชมหวาดกลัว เราสร้างภาพยนตร์ที่จะให้ผู้ชมได้เอาใจช่วยตัวเอก ชิงชังตัวร้าย และตระหนักรู้ว่าเราทุกคนล้วนตกอยู่ในสภาวะเดียวกันทั้งสิ้น”
“ไซมอนกับผมผสานทั้งสองด้านนั้นเข้ากันโดยสร้างเรื่องราวทำนองธรรมะย่อมชนะอธรรม ซึ่งถือเป็นหัวใจที่ดีของตัวภาพยนตร์ มันไม่ใช่เรื่องราวมืดหม่นหรือซีดเซียว SONGBIRD เป็นภาพยนตร์ที่ว่าด้วยความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณเมื่อมนุษย์ต้องเผชิญความยากลำบาก มันมีขอบเขต ความโรแมนติกลุ่มลึก และช่วงเวลาอันสำคัญและแสนอันตรายตามแบบฉบับของฮอลลีวูด”
กู๊ดแมนยังกล่าวเพิ่มอีกว่า “บางครั้งภาพยนตร์ก็พาเราหนีออกห่างโลกความจริง หรือไม่ก็ถือแว่นขยายเพื่อส่องมองโลกใบนี้ที่เราอาศัยอยู่ ในภาพยนตร์ SONGBIRD เราทำทั้งสองด้าน”
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์รอบตัวของเมสัน และโบเยสเองก็สะท้อนถึงสิ่งที่พวกเขากำลังสร้าง “การเขียนบทและถ่ายทำค่อนข้างจะหนักหนา เพราะผมรู้สึกว่ากำลังเขียนเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นอยู่รอบตัว ณ ขณะนั้น” เมสันอธิบายเพิ่ม “อย่างเช่นผมอาจกำลังเขียนฉากเกี่ยวกับเคอร์ฟิวที่มีเฮลิคอปเตอร์บินไปมา อดัมจะบอกผมว่า “ไม่นะ มันดูเป็นหนังไซไฟแนวโลกพินาศเกินไปหน่อย” แต่ในบ่ายวันเดียวกัน มันก็มีเฮลิคอปเตอร์หลายลำบินอยู่เหนือเขตบ้านผมและประกาศว่ากำลังจะมีเคอร์ฟิว!”
‘โรมิโอ-จูเลียต’ ยุคโควิดระบาด
แก่นเรื่องของ SONGBIRD คือเรื่องรักของคนสองคนที่ต้องแยกตัวจากกันเป็นเวลานาน และมีความปรารถนาอันร้อนแรงที่จะอยู่ด้วยกันแต่ไม่สามารถสัมผัสกันได้
“ท่ามกลางความโกลาหลอลหม่าน ความเศร้าโศกเสียใจ และความยากลำบากจากสถานการณ์ไวรัสแพร่ระบาดและล็อคดาวน์ก็ยังมีแสงสว่างอยู่ นั่นคือความรัก และสิ่งใดก็ตามที่คุณยินดีทำเพื่อความรักและเพื่อความหวังนั้น” เจนเน็ตต์ วอลตูร์ ผู้อำนวยการสร้างเผย
“เรื่องราวนี้สะท้อนให้เห็นว่าโลกของเรากำลังฝ่าวิกฤติอะไรบ้างในขณะนี้ และมาในรูปแบบที่สอนใจว่าเรามีความหวังอยู่เสมอ และด้วยความรัก ไม่มีใครที่พ่ายแพ้เลย”
มาร์เซ เอ. บราวน์ผู้อำนวยการสร้างเพิ่มเติมว่า “ความรักและความใกล้ชิดก็เหมือนอาหารและน้ำ ปัจจัยสี่ที่ทุกคนต่างต้องการเพื่อความอยู่รอด ภาพยนตร์เรื่องนี้จะพูดถึงความหวังและความสามารถของมนุษยชาติที่จะหาหนทางให้จนได้”
SONGBIRD ยกระดับของเรื่องรักอมตะประเภทโรมิโอและจูเลียตขึ้นมาใหม่ โดยครั้งนี้ไม่มีครอบครัวที่กินแหนงแคลงใจกัน แต่เหล่าตัวเอกอับโชคต้องต่อสู้กับสถานการณ์โรคระบาดท่ามกลางเหตุการณ์การกวาดต้อนผู้ติดเชื้อ
“นิโคและซาร่าคือคู่รักที่ไม่อาจอยู่ด้วยกัน และยังไม่สามารถผูกสัมพันธ์กันได้ในทุกวิถีทาง” กู๊ดแมนอธิบาย
“คนหนึ่งมีภูมิต้านทาน อีกคนกลับไม่มี ภาพยนตร์เรื่องนี้จะพาผู้ชมให้เอาใจช่วยให้คู่รักนี้จะสามารถพบกันได้อีกครั้ง ความท้าทายท่ามกลางเหตุการณ์ที่บ้าคลั่งและสับสนนี้ช่วยทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาดูเหมือนจะลึกซึ้งมากขึ้นไปอีก”
นิโคคือหนึ่งในกลุ่มคนที่เรียกกันว่า “กลุ่มมีภูมิ” ซึ่งปลอดภัยจากการติดเชื้อและจำต้องรับหน้าที่ที่ยังขับเคลื่อนสังคมต่อไปได้
“งานของนิโคคือคนส่งของ” เคเจ อาปา ผู้แสดงนำในซีรีส์ยอดฮิตอย่าง Riverdale กล่าว
“เขาส่งของให้ผู้คนทั่วเมือง ในระหว่างการเดินทางของเขา เขาได้พบกับซาร่า และพวกเขาก็ตกหลุมรักกัน ผมหวังว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะให้ความหวังกับผู้คนในอนาคต อย่าเข้าใจผมผิดนะ หนังเรื่องนี้นำเสนอความน่ากลัวของไวรัสที่กลายพันธุ์ก็จริง แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันก็พูดถึงความเอาใจใส่”
ตัว โซเฟีย คาร์สันเองก็รู้สึกประทับใจกับความลุ่มลึกและสุ่มเสี่ยงของความรักระหว่าง ซาร่าและนิโคเช่นกัน
“การรักใครสักคนอย่างลึกซึ้งแม้จะไม่เคยได้หายใจร่วมกัน ไม่เคยสัมผัสกายและได้ยินเสียงของเขาก้องอยู่ในหู มันเหมือนกับความรักที่เป็นไปไม่ได้”เธอกล่าว
“สำหรับตัวเอกของเรา ความรักของพวกเขามีความเสี่ยงร้ายแรง เพราะมันอาจทำให้เธอต้องตายหากได้พบกัน แต่ถึงกระนั้น ความรักก็ยังเป็นทางรอดของพวกเขา เป็นสิ่งที่พวกเขายึดมั่นและต่อชีวิตของพวกเขา ความรักของ ซาร่าและ นิโคคือหัวใจของเรื่อง คติสอนใจที่ยิ่งใหญ่และสวยงามที่สุดนั่นคือ ความรักเป็นสิ่งเดียวที่เรามีในโลกใบนี้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะ ณ ขณะนี้และความรักจะต่อชีวิตเรา”
ข้อมูลจาก https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/918134?anf=
ติดตามชม “SONGBIRD โควิด 23 ไวรัสล้างโลก” ผลงานสุดระทึกจากผู้สร้าง “A QUIET PLACE” และ “THE PURGE” ได้ 21 มกราคมนี้ ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น