Font Size

อภิมหาเศรษฐีจากธุรกิจ คอมพิวเตอร์

นิตยสาร Forbes ของอเมริกา ฉบับเดือนตุลาคม 2011 ได้จัดอันดับอภิมหาเศรษฐีของอเมริกา 400 คน พบว่า มีจำนวนไม่น้อยที่ร่ำรวยจากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ เช่น

bill-gates

 

Bill Gates อภิมหาเศรษฐี อันดับที่ 1 อายุ 55 ปี

ร่ำรวยจาก อาณาจักร Microsoft

มีมูลค่าทรัพย์สินทั้งสิ้น US $ 59 billion

 

 

 

 

 

mark-zuckerberg

 

Mark Zuckerberg อายุ 27 ปี อันดับที่ 14

ร่ำรวยจากอาณาจักร Facebook

มีมูลค่าทรัพย์สิน ทั้งสิ้น US $ 17.5 billion

 

 

 

 

 

 

dustin-moskovitz

 

Dustin Moskovitz อายุ 27 ปี อันดับที่ 31

ร่ำรวยจากอาณาจักร Facebook

มีมูลค่าทรัพย์สินทั้งสิ้น US $ 3.5  billion

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Sean-Parker

 

Sean Parker อายุ 31 ปี อันดับที่ 200

ร่ำรวยจากอาณาจักร Facebook

มีมูลค่าทรัพย์สินทั้งสิน US $ 2.1 billion

 

 

 

 

 

 

 

 

 

steve-jobs

 

Steve Jobs อายุ 56 ปี คนสุดท้ายที่พึ่งเสียชีวิตไปเมื่อเร็วๆนี้

สร้างอาณาจักร Apple, Ipod, iPhone และ Ipad จนประสบความสำเร็จ

ได้รับการยกย่องว่าเป็น ICON of American

ไม่มีข้อมูล มูลค่าทรัพย์สินในปัจจุบัน

 

 

 

 

 

   ยังมีอภิมหาเศรษฐีอื่นๆ ที่ร่ำรวยจากธุรกิจคอมพิวเตอร์ที่รู้จักกันดี แต่ไม่ค่อยคุ้นเคยนักในประเทศไทย เช่น Larry Ellison อันดับที่ 3 อาณาจักร Oracle มีมูลค่าทรัพย์สิน US $ 33 billion;  Jeff Bezos อันดับที่ 13 อาณาจักร Amazon.com มีมูลค่าทรัพย์สิน US $ 19.1 billion; Sergey Brin และ Larry Page อันดับที่ 15 จาก อาณาจักร Google มีมูลค่าทรัพย์สินคนละ US $ 16.7 billion;  Michael Dell อันดับที่ 18 ร่ำรวยจาก อาณาจักร Dell Computer มีมูลค่าทรัพย์สิน ทั้งสิ้น US $ 15 billion;  และ Steve Ballmer จาก อาณาจักร Microsoft มีมูลค่าทรัพย์สิน US $ 13.5 billion;

 

   เป็นที่น่าสังเกตว่า อภิมหาเศรษฐีที่ประสบความสำเร็จในชีวิตและร่ำรวยจากความสำเร็จทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์หลายคน  เรียนไม่จบระดับมหาวิทยาลัย แต่ไม่ใช่ว่าเขาพวกนั้นไม่ฉลาด แต่เป็นเพราะพวกเขาฉลาดเกินกว่าจะเสียเวลาเรียนในมหาวิทยาลัยมากกว่า อาทิเช่น

 

       Bill Gates หลังจากเรียนจบระดับมัธยมสอบ SATs ได้คะแนนเกือบเต็มและได้ทุนเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัย Harward เมื่อเรียนถึงปีที่ 2 เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ร่วมกับอาจารย์ที่ปรึกษา สร้างผลงานมากมายก่อนลาออกมาเริ่มธุรกิจของตัวเองร่วมกับเพื่อน สร้างโปรแกรม Microsoft ใช้กันทั่วโลก

 

      Sean Parker เมื่ออายุ 15 ปี ถูก FBI จับจากการ hack เข้าไปในคอมพิวเตอร์ของบริษัทและมหาวิทยาลัยหลายแห่ง และถูกลงโทษ ให้ทำงานเพื่อสังคม อายุ 16 ได้รับรางวัล Virginia State Computer Science Fair จน CIA จ้างไปทำงานด้วย เมื่อเรียนปีที่ 4 เขาหาเงินได้ถึง US $ 80,000 จึงตัดสินใจออกมาทำธุรกิจของตัวเอง

 

      Mark Zuckerberg แม่เป็นชาวเกาหลี พ่อมีเชื้อสายยิว ขณะเรียนมัธยม ได้รับรางวัลด้านวิทยาศาสตร์หลายสาขา ขณะเรียนที่มหาวิทยาลัย Harward ได้สร้างโปรแกรมที่เรียกว่า “Facemash” ส่งรูปนักศึกษา 2 คน ออกไป ให้นักศึกษาออกเสียงว่าใครจะดูดีกว่ากัน และมีการจัดอันดับผู้ที่ดูดีที่สุด หลังจากโปรแกรมถูกส่งออกไปช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์เมื่อถึงวันจันทร์ มหาวิทยาลัยต้องสั่งปิด เนื่องจากมีการใช้งานมาก ทำให้ Server ของมหาวิทยาลัยเต็มจนใช้งานไม่ได้ ต่อมา Mark จึงหยุดการเรียนที่มหาวิทยาลัยออกมาทำโปรแกรมที่เรียกว่า Facebook ของตัวเอง ซึ่งคำว่า Facebook มาจากหนังสือของมหาวิทยาลัยที่ชื่อ Face Books ที่มีรูปและชื่อของนักศึกษาทุกคนที่อยู่ในหอพักของมหาวิทยาลัย

 

      Steve Jobs เกิดเมื่อปี 1955 พ่อเป็นนักศึกษาชาว Syria แม่เป็นชาวอเมริกัน หลังคลอดได้ยก Steve ให้ครอบครัว Jobs เป็นบุตรบุญธรรม ขณะเรียนระดับมัธยม ทำงานไปด้วยกับบริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด เมื่อเรียนจบระดับมัธยมได้เข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย Reed ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในรัฐ Oregon แต่เรียนได้เพียงเทอมเดียวก็ออกมาตั้งบริษัท Apple ร่วมกับเพื่อน Steve Wozniak ซึ่งเป็นวิศวกรที่เรียนรู้ด้วยตัวเอง Steve Jobs ไม่ได้เป็นทั้งวิศวกรคอมพิวเตอร์ หรือนักออกแบบอุตสาหกรรม แต่รู้ความต้องการของมนุษย์จึงทำให้ บริษัท Apple เติบโตอย่างรวดเร็ว เขาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในปี 2011 ขณะมีอายุ 56 ปี เขาได้รับยกย่องว่าเป็น American Icon ถัดจาก Thomas Edison และ Henry Ford ในทางธุรกิจก็ถือได้ว่า Steve Jobs เป็นนักบริหารธุรกิจที่ยิ่งใหญ่แห่งยุกต์ ที่จะได้รับการจดจำอีก 100 ปีข้างหน้า

 

 

จากข้อมูลนี้จึงอาจกล่าวได้ว่าบุคคลเหล่านี้เป็นอัจฉริยะ อย่างแท้จริง ตามคำกล่าวของ Oscar Wilde ที่ว่า

"Education is an admirable thing, but it is well to remember from time to time that nothing that is worth knowing can be taught."

การศึกษาเป็นสิ่งที่ควรชื่นชม แต่ควรระลึกไว้ว่าความรู้ที่มีคุณค่าไม่สามารถสอนกันได้ ต้องมาจากการเรียนรู้ด้วยตัวเอง