Font Size

โรคมะเร็งปากมดลูก CERVICAL CANCER และการตรวจปัสสาวะเพื่อหาเชื้อไวรัส HPV

stages of cervical cancer

ข้อเท็จจริงของโรคมะเร็งปากมดลูก
มะเร็งปากมดลูกเป็นโรคมะเร็งที่สำคัญของหญิงไทย เนื่องจากเป็นโรคมะเร็งที่พบเป็นอันดับสองรองจากโรคมะเร็งเต้านม
ประมาณว่ามีผู้หญิงไทยเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปากมดลูก14คน ในแต่ละวัน ปัจจุบันเรารู้แล้วว่า โรคมะเร็งปากมดลูกมีสาเหตุสำคัญจากการติดเชื้อไวรัส "เอชพีวี" (HPV) ซึ่งส่วนใหญ่จากการมีเพศสัมพันธ์ที่สำส่อน หรือมีคู่นอนหลายคน
ส่วนผู้ที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ก็อาจติดเชื้อได้เช่นกัน จากการสัมผัสเชื้อไวรัสที่ปนเปื้อนอยู่บนของใช้ เช่น กระดาษชำระ กางเกงใน การใช้ห้องน้ำที่ไม่ถูกสุขลักษณะเป็นต้น ผู้ติดเชื้อไวรัส HPV ส่วนใหญ่ร่างกายสามารถกำจัดเชื้อไปได้เอง ด้วยภูมิคุ้มกัน แต่จะมีเพียงประมาณ 10% ที่ไวรัสสามารถดำรงอยู่ได้ จึงจำเป็นต้องได้รับการรักษาที่เหมาะสม ผู้ชายก็มีโอกาสเป็นโรคมะเร็งจากการติดเชื้อไวรัส HPV ได้เช่นกัน เนื่องจากไวรัสสามารถก่อมะเร็งบริเวณอื่นได้ เช่น ทวารหนัก ปากช่องคลอด โพรงจมูก และลำคอ เป็นต้น

ข้อเท็จจริงของไวรัส HPV
เป็นที่ยืนยันแล้วว่าสาเหตุสำคัญของโรคมะเร็งปากมดลูกมาจากการติดเชื้อไวรัส HPV ซึ่งมีอยู่ทั้งหมดมากกว่า 200 ชนิด (type) หรือสายพันธุ์ ในจำนวนนี้มี 40 ชนิด ที่ติดเชื้อทางอวัยวะเพศ และมีเพียง 2 ชนิด เท่านั้นที่ผู้ติดเชื้อมีความเสี่ยงสูงมากที่จะเกิดเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกคือ HPV-16 และ HPV-18 ที่นอกจากจะทำให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูกแล้วยังอาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งบริเวณอื่นๆ ได้ เช่น ช่องคลอด และทวารหนัก เป็นต้น และยังมี HPV อีก 2ชนิด คือ HPV-6 และ HPV-11 ที่เป็นสาเหตุของ "หูดหงอนไก่" บริเวณอวัยวะเพศทั้งในหญิงและชาย แต่ไม่มีอันตรายร้ายแรง ผู้ติดเชื้อ HPV-16 และHPV-18 ระยะแรกมักไม่แสดงอาการผิดปกติใดๆ แต่อาจต้องใช้เวลา 15-20 ปี หลังการติดเชื้อไวรัส จึงจะเกิดเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกขึ้น

การตรวจหาเชื้อไวรัส HPV
การตรวจหาเชื้อไวรัส HPV ที่ผ่านมาทำโดยการตรวจภายใน โดยแพทย์จะใช้อุปกรณ์สอดเข้าไปในอวัยวะเพศป้ายบริเวณปากมดลูกเพื่อนำสิ่งที่ได้ออกมาตรวจหาไวรัส HPV สายพันธุ์ HPV-16 และ HPV-18 การตรวจภายในมีขึ้นตอนที่ยุ่งยาก และไม่เหมาะสำหรับสตรีที่อายุยังน้อย ที่มักไม่ยินยอมให้มีการตรวจภายใน
ปัจจุบัน "กรุงเทพ-พยาธิแลป" ได้นำน้ำยาพิเศษที่สามารถตรวจเชื้อไวรัส HPV ได้จาก "ปัสสาวะ" ทำให้สามารถทำการตรวจได้สะดวก รวดเร็ว และประหยัด ช่วยลดขั้นตอนการตรวจต่างๆลงได้มากโดยทุกคนสามารถนำปัสสาวะมาตรวจได้โดยตรง โดยไม่ต้องมีการตรวจภายใน

ใครควรมาตรวจปัสสาวะเพื่อหาเชื้อไวรัส HPV
ปัจจุบันมีวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ทั้ง 4 ชนิด (HPV-16, HPV-18, HPV-6, HPV-11) ได้ผลดี ดังนั้นผู้สมควรได้รับการตรวจหาเชื้อ HPV ในปัสสาวะ คือ หญิง และชาย (ชายอาจจะเป็นพาหะของเชื้อไวรัส) ที่อยู่ในวัยต้นของการเจริญพันธุ์อายุประมาณ 12-16 ปี และผู้ที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ ที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ รวมทั้งผู้ที่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้วที่ต้องการทราบว่ามีการติดเชื้อไวรัสอยู่หรือไม่เพื่อให้ได้รับการป้องกันและการรักษาที่ถูกต้องต่อไป

ใครควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อ HPV
วัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ได้ถูกพัฒนาขึ้น และถูกนำมาใช้ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.2549 โดยผู้ที่ต้องการสร้างภูมิคุ้มกันต้าน ไวรัส HPV จะต้องได้รับการฉีดวัคซีน 3 ครั้ง เป็นช่วงๆติดต่อกันและสามารถฉีดได้ทั้งหญิงและชาย ปัจจุบันมีประเทศต่างๆ มากกว่า 50 ประเทศ ที่มีนโยบายระดับชาติที่จะฉีดวัคซีนให้ทั้งเด็กหญิง และเด็กชาย

การตรวจปัสสาวะเพื่อหาเชื้อไวรัส HPV
กรุงเทพ พยาธิ-แลป มีห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากล ISO15189 ให้บริการตรวจปัสสาวะเพื่อหาเชื้อ HPV ด้วยน้ำยาที่มีคุณภาพสูง ให้บริการทุกวัน 7.00-20.00น. ดังนั้นท่านที่ต้องการตรวจหาเชื้อไวรัส HPV สามารถทำได้ 2 วิธีคือ

1. มาตรวจโดยตรงที่ห้องปฏิบัติการของกรุงเทพ พยาธิ-แลป
2. ไปที่โรงพยาบาล หรือคลินิค เพื่อขอรับการตรวจจากแพทย์ และเก็บปัสสาวะเพื่อส่งตรวจ โดยกรุงเทพ-พยาธิแลป จะมีเจ้าหน้าที่ไปรับเพื่อนำมาตรวจต่อไป